Backpack ครั้งแรกต่างบ้านต่างเมือง@สิงคโปร์

เกริ่นนำ

ผมเป็นคนนึงที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ มีความสุขทุกๆครั้งที่ได้เที่ยว หลังจากที่สายการบิน Low-cost เข้ามาทำตลาด (ถึงแม้ช่วงแรกจะยังไม่ low ตามชื่อ) ทำให้มนุษย์ ที่ไม่ค่อยมีตังค์อย่างผมได้มีโอกาศขึ้นเครื่องกับเขาบ้าง ทำให้ผมได้เริ่มท่องเที่ยวในที่ไกลๆ บรรยากาศและวิวทิวทัศที่แปลกตา ช่วงแรกการท่องเที่ยวของผมเริ่มจากภายในประเทศ จนมาถึงจุดนึงที่คิดว่า ควรต้องออกไปสำรวจโลกกว้างงงงงง กว่านี้ เห็นใครต่อใครหลายคนนิยมเที่ยวแบบ backpacker จึงเริ่มศึกษา หาข้อมูล เพื่อประยุกต์ใช้กับการเที่ยวของตัวเราเอง

IMG_9720E

ขอกลับเข้าเรื่องเดี๋ยวจะออกทะเลซะก่อน จุดเริ่มต้นของผมในครั้งนี้เกิดจาก ผมอยากออกนอกประเทศ 555 เลือกมาประเทศนึง เอาง่ายๆราคาไม่แพง ก็คือสิงค์โปรเนี่ยแหละ “เห้ยมึงกูจะไปสิงคโปรพวกมึงจะไปด้วยกันไหม” ผมชวนเพื่อน เพื่อนสองคนรับปากเสียดายที่อีกคนในแกงค์ไม่สามารถไปด้วยได้ ผมและเพื่นอีกสอง โดยโปรไฟล์ของทั้งสามคนดังนี้
คนแรกนามว่า”ไอ้เต้” เคยเที่ยวสิงค์โปรแล้วแต่ไปกับคนรู้จัก พอมีพื้นฐานภาษาอยู่บ้าง ไม่เคยมีประสบการณ์เที่ยวลำพัง คนนี้รับอาสาวางแผนเวลาและเส้นทางการท่องเที่ยวในทริปนี้
คนต่อมา”เห้เอ้”ไปมาหลายประเทศยุโรปยังเคยไปแต่ แต่!! ไปกับทัวร์ตลอดแถมยังมีประสบการณ์เรียนภาษาที่ออสเตรเลีย ภาษาและประสบการณ์จึงง่อยมาก 5555
สุดท้ายผม คนที่เที่ยวบ่อยแต่ในประเทศทั้งนั้นอีกทั้งภาษาอังกฤษยังง่อยแต่ จึงขอรับหน้าที่หาโรงแรมกับจองเครื่องบินละกัน

สำหรับใน Blog นี้จะไม่ได้เล่ารายละเอียดเชิงลึก ซึ่งข้อมูลพวกนี้สามารถหาได้ในเน็ต เช่น ค่าเงิน ปลั๊กไฟ การสมัครเน็ต การเดินทาง แต่ Blog นี้จะขอเล่าเปนเรื่องราวประสบการณ์ไปเรื่อยๆตามประสาละกันครับ


 

วางแผนการเดินทาง

เพื่อให้ไม่เหนื่อยจากการเดินทางไป เราทั้งสามซึ่งป็นมนุษย์เงินเดือนจึงวางแผนไว้ว่าจะลาหยุด 2 วัน รวมเสาร์อาทิตย์ รวม 4 วัน แต่มีเวลาสำหรับพัก 1 วันสรุปแล้ว เที่ยว 3 วัน 2 คืน พอเพียงสำหรับเกาะเล็กๆอย่างสิงคโปร์

ผมทำการจองเที่ยวบิน เราได้เที่ยวบินของ Tiger Air บินตรงไปสิงคโปรไม่ได้แวะพักที่ฮ่องกงหรือฮานอยแต่อย่างใด (ก็แหงล่ะสิมันใกล้ๆนี่นา 555) ตอนนั้นได้ราคามา 2970 ต่อคน ส่วนโปรจำไม่ได้ว่าเป็นโปรอะไร สำหรับพวกผมแล้ว ไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่มเติมเลยตามประสาคนที่ต้องการเที่ยวอย่างประหยัด

23-9-2558 20-21-57

สำหรับที่พักก็เป็นผมอีกที่อาสาจอง ผมเลือกที่พักย่านเกลัง ทีขึ้นชื่อเรื่องเป็นโซนขายบริการ แต่ไม่ต้องคิดลึกนะครับ เหตุผลที่ผมเลือกที่นี้คือ… ราคาไม่แพง เป็นโรงแรมขนาดไม่เล็กมาก พอจะเดินจาก MRT ไหว 555 แค่นั้นแหละครับจึงทำการจองไป ตก 780 บาท ต่อคนต่อคืนเท่านั้น (ตอนแรกกะนอน hostel แล้วเชียว

23-9-2558 20-22-59

การจองสายการบินและที่พักให้เพื่อนๆ ก็มีข้อดีเหมือนกันครับ เพราะการจองลักษณะนี้ต้องจองโดยจ่ายผ่านบัตรเครดิต ผมเลยรับแต้มไปเต็มๆ

ในส่วนต่อมาแผนการเที่ยว เต้รับหน้าที่นี้ทำการวางแผนและส่งให้ในไฟล์ Excel แต่…!! เราไม่ได้เที่ยวตามแผนที่วางเอาไปซะทีเดียว เพราะฉะนั้น ค่อยๆตามเรื่องไปนะครับ 5555

23-9-2558 20-31-24

อ้อ เกือบที่จะลืม SIM3G จำเป็นมากสำหรับ backpacker มือใหม่อย่างพวกผม ทั้งโทรกลับบ้าน ทั้งไว้หาข้อมูล google หรือเปิดแผนที่อย่าง MAP SIM หาซื้อได้ตามเซเว่นง่ายมากๆ ราคา 15SGD ได้มูลค่า 18 SGD สมัครเน็ตแบบ7 วัน 1 GB ราคา 7 SGDเหลือโทร 11 SGD โทรกลับไทยได้เป็นชั่วโมง 555 สุดท้ายแล้วเอาซิมกลับมาขายต่อที่ไทยได้ด้วย 5555singtel-sim


เริ่มออกเดินทาง

เช้าวันที 16 ตุลาคม วันออกเดินทาง ด้วยความต้องการประหยัด จะให้นั่งแทกซี่จากบ้านเลย ก็กลัวจะเปลืองโดยใช่เหตุ หรือจะให้เอารถไปจอดที่สุวรรณภูมิค่าจอดก็แพงโข จึงหันมาใช้บริการรถสาธารณะ ก่อนจะเปลี่ยนไปนั่งแทกซี่แถวๆ ปากทางเข้า  นัดแนะกับเพื่อนทั้งสองว่า ตั๋วเครื่องบินที่เราจองไม่มีอาหารให้ จะให้ซื้อก็แพง เราจึงจะไปหาข้าวกินกันที่ Food court ของสนามบินซึ่งมักจะเป็นพนักงานที่ทำงานที่สนามบินหรือผู้รู้เท่านั้นที่มาใช้บริการ โดยข้อมูลนี้หาได้จาก internet ซึ่งระบุไว้ว่าอยู่ชั้นล่างๆ ผมจำไม่ได้ 555

IMG_9504E

เมื่ออิ่มหนำเรียบร้อย เราก็กลับมาทำการเช็คอิน ผู้คนไม่เยอะนักไม่ต้องต่อคิว ยื่นpassport ได้ใบ ตม.ไทยมาด้วย แต่เมื่อถึง ตรงตม.ไทย ไม่มีปากกาสักด้ามมมม งานเข้าและ เราทั้งสามคนคิดไม่ถึงจึงไม่ได้พกปากกามา แถมตรงจุดที่กรอก ซึ่งคาดว่าจะเคยมีปากกา ก็เหลือแต่เชือก เข้าใจว่าก่อนหน้านี้มีปากกา พวกเราจึงต้องไปยืม ตม. ฝั่งคนต่างประเทศ กลับมาที่ ตม.  เครื่อง ตม. อัตโนมัติ ถามว่าดีกว่าไหม ไม่ทราบครับ เพราะไม่เคยใช้บริการ ตม.ปกติ 5555 จนสุดท้ายเราก็ผ่านมาได้ และแล้วก็เป็นก้าวแรก ที่ก้าวออกนอกประเทศบ้านเกิดตัวเอง 555 เราเดินผ่านดิวตี้ฟรีมารอที่เกต เวลานั้นคนไม่เยอะ เราก็ถ่ายรูปเล่นและนั่งคุยกันตามประสาเพื่อน

IMG_9226

เมื่อถึงเวลา Board เราเข้ามานั่งบน เครื่อง Tiger Air ซึ่งเป็น Airbus แบบ 320 จัดที่นั่งแบบ 3-3 พอสบายตัว หลังจาก take-off แล้ว ถึงคราวที่ลูกเรือแจกใบ ตม.สิงคโปร์ นึกขึ้นได้ ตายห่า เราไม่มีปากกา คราวนี้ต้องขอบคุณสจ๊วตที่ให้ยืมครับ และไม่คืน เอ๊ยไม่ลืมคืนเค้าเวลาใช้งานเสร็จ

IMG_9248

ก้าวแรกที่สิงคโปร์

จำไม่ได้หรอกครับว่าซ้ายหรือขวา 555 สำหรับผมแล้วตื่นเต้น 555 ถึงแล้ว เมืองนอกกกกกกกกก เริ่มแรกเลยบัตร Ezy link  ผมได้รับส่งต่อจากน้องสาว ส่วนเพื่อนอีกสองต้องไปซื้อเอาที่นั้น พวกเราเติมเงินเสร็จก็มารอขึ้น MRT เข้าเมืองกัน

IMG_9255

รถไฟฟ้า MRT

รถไฟฟ้าสิงคโปร เด่นตรงที่ว่า มันไปทั้งใต้ดินบนดินและลอยฟ้า และที่รู้สึกแปลกคือ เวลามันเริ่มออกจากสถานี จะมีลดพัดจากหน้าขบวน ดุจหน้าขบวนเปิดโล่ง 555 อ่อที่แตกต่างจากบ้านเราอีกอย่างคือ มีตู้ขบวนยืนโดยเฉพาะอีกด้วย

ที่หมายแรกที่เราต้องการเดินทางไป จากเดิมเราจะเอากระเป๋าไปฝากที่พัก แต่เปลี่ยนแผน เราไป china town เพื่อซื้อตั๋วเข้า USS กันก่อนและที่สำคัญ ท้องร้องแล้วสิ 555

China town

ยังไง..โผล่มาก็งงเลย ไปทางไหนดี หิวแล้วสิงั้น มาถึงนี้ตามรอยต้องไปที่ Max food well เพื่อกินข้าวมันไก่ 555 ที่ไทยก็มีทำไมต้องมาถึงนี่ ข้าวมันไก่ที่นี้ จากที่สัมผัสมา ไก่กับน้ำจิ้มจะต่างกับไทย ไก่เต็มๆ น้ำจิ้มออกแนวซอส รสชาติหรอกก็อร่อยดีนะ  แต่ผมว่าไทยเราหลากหลายและอร่อยกว่า พวกเราคลำทางอยู่นาน กว่าจะหาศูนย์อาหารได้ ข้างๆศูนย์อาหารมี 7-11 เราจึงเข้าไปซื้อซิม เพื่อเก็บไว้ใช้งาน 3G กันหลง อิอิ

IMG_9288 IMG_9293

วัดพระเขี้ยวแก้ว และห้าง people park

IMG_9302

อยู่บริเวณ china town ไม่เหมือนวัดบ้านเรานะ เป็นเหมือนอาคารออกจีนๆมีหลายชั้น ด้านในบางชั้นห้ามถ่ายรูป เราเดินชมและไหว้พระกันตามประสา ก่อนออกมา หาทางไปจุดหมายต่อไปคือ ห้าง people park เพราะจากรีวิว เราต้องมาซื้อบัตรเข้า USS กับ Singapore flyer ที่นี่ กว่าเราจะมาถึงเดินไปเดินมา ไม่เห็นเจอร้านในรีวิวเลย แต่เราเจออีกร้านนึงที่ราคาถูกกว่าร้านที่คนนิยมอีก คนขายพอพูดไทยบ้าง เราจึงเทียบราคา เห้ยยย ไม่ต้องไปร้านนั้นแล้วร้านนี้ถูกกว่า เราก็ซื้อเลย ปล.จำชื่อร้านไม่ได้ง่ะ

IMG_9309 IMG_9311 IMG_9319 IMG_9329

Fragrance Hotel Sapphire – Geylang

หลังจากหลงทางที่ china town สถานที่ต่อไปที่เราจะเดินทางไปคือโรงแรม ที่ๆเราจะนอนในคืนนี้ เรา check in และนำกระเป๋ามาเก็บก่อนพักสักหน่อยแล้วลุยกันต่อ โรงแรม Fragrance Hotel Sapphire ตั้งอยู่ย่าน เกลัง ย่านโคมแดงหรือย่านขายบริการ สำหรับที่สิงคโปร์นี้ การขายบริการมีทั้งถูกและผิดกฎหมาย หากถามว่าย่านนี้เป็นอย่างไร น่ากลัวไหม ขอตอบว่าไม่นะครับ กลางวันนี้เหมือนปกติเลย กลางคืนถ้าไม่ดึกเกินสี่ทุ่มก็ปกติ ดึกๆ แอบส่องหน้าต่างลงมาเห็น คนจับกลุ่มเหมือนเล่นการพนันสักอย่างอยู่หลังซอยด้วย 555 แต่เราไม่ยุ่งเขาก็ไม่อยู่กับเรา

IMG_9340

โรงแรมนี้ปลอดภัย อาจจะห่างจาก MRT สักหน่อย (เดินประมาณ 500 m) วันแรกที่ไปถึงฝนตก ถึงกับต้องเอาถุงพลาสติกคลุมหัวเดินกันเลยทีเดียว วันต่อมาจึงได้รับคำแนะนำจากพนักงานโรงแรมว่าสามารถขึ้นรถเมลไปที่ MRT ได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที สามป้ายเท่านั้น 5555 ขากลับหรอรอรถเมลไม่มาสักดี แต่เดินชมวิวกลับมาเรื่อยๆก็เพลินเหมือนกัน

ห้องที่เราจองเป็นแบบ Family ขนาดสามเตียง ไม่ใหญ่พอที่จะตั้งวงตะกร้อ แต่ใหญ่พอเพียงสำหรับใช้นอนหลับพักผ่อนและเก็บกระเป๋า มีห้องน้ำส่วนตัวผ้าเช็ดตัวพร้อม หลับสบายจบแค่นั้นพอ 555

Orchard Road สยามพาราก้อนบ้านเราดีๆนี่เอง

สถานที่ต่อมา Orchard แหล่งช๊อปปิ้งชั้นนำและหรูหราของสิงคโปร์ เหมือนกับ siam paragon ที่ประเทศไทยสำหรับพวกเราหรอ ไม่มีอะไรเลยเพราะพวกเราไม่ใช่ขาช๊อปครับ 555 สุดท้ายแล้วเรามาเพียงซื้อข้าวโพดเจ้าดังที่เมืองไทยก็มีและ นั่งกินไอศครีมขนมบังแบบรถเข็น แล้วที่เหลือ นั่งมองงงงง รอบๆ ชิวๆ เท่านั้น

Fountain of Wealth น้ำพุแห่งความมั่งคั่งร่ำรวยล้นฟ้ามหาเศรษฐี

มันคือน้ำพุที่เกิดจากมนุษย์สร้างขึ้น เคยเห็นในรูปเหมือนจะเล็กแต่ของจริงใหญ่พอควร ตั้งอยู่กลางห้างชั้นใต้ดิน กินอาณาเขตไปถึงบนดิน พวกเราไปถึงก็มืดแล้ว หาทางเข้าไม่เจอไม่มีคนเข้าด้วย เราเลยไม่กล้าเข้าไป แต่เราขึ้นไปด้านบนเพื่อนถ่ายรูป ด้านบน บริเวณนี้เป็นถนน ทำให้ตัวน้ำพุดูเหมือนจะเป็นวงเวียน เราหาที่ข้ามถนนไม่เจอ ต้องวิ่งข้ามกันจนเกือบจะถูกรถชน 5555 เมื่อถึงเวลา น้ำพุก็ทำการโชวๆๆๆ ความสวยงาม สายน้ำและแสงไฟจัดว่าสวย คนที่มาที่สิงคโปร์ไม่ควรพลาด

IMG_9362E

หลังจากที่เราดื่มด่ำกับบรรยากาศและถ่ายรูปสายน้ำและแสงไฟสวยๆ ถึงเวลาต้องไปต่อ เวลานี้ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว ที่หมายต่อไปคือ Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ที่เคยขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในโลกกกกก ดูจาก google map มันไม่ไกลมากเราจึงใช้วิธีการเดินไป

Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ที่บ้านเราไม่มี

ระหว่างทาง พบเสาตอม่อทางด่วนที่มีต้นไม้ปกคลุมซึ่งดูแล้ว เป็นการผสมผสานระหว่าง อารยธรรมของมนุษย์กับธรรมชาติที่เข้ากันผม ผมว่ามันสวยนะอยากให้ที่บ้านเราทำแบบนี้บ้าง

IMG_9399E

 

singapore flyer มองเห็นแต่ไกล คลำหาทางขึ้นสักหน่อย เดินตามทาง บรรยากาศวังเวงสักหน่อยเพราะดึกแล้ว เข้าคิวที่ไม่ยาวมาก กระเช้านึงจุคนได้ 10 คน มีแอร์ไม่ต้องกลัวร้อน กระเช้าขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความเร็วระดับเต่าคลาน 555 จนถึงจุดบนสุด เราชมวิวยามค่ำคืนของสิงคโปร ซึ่งผมว่าเป็นอีกที่ ที่พลาดไม่ได้และคุ้มค่ามากกับเงินที่เสียไป

IMG_9406IMG_9425E

ก่อนที่จะเก็บภาพถ่ายไว้เป็นความทรงจำ ก่อนจะกลับลงมาได้แวะกินข้าวกันที่ food court ซึ่งเหลือเปิดอยู่ไม่กี่ร้าน อาหารมื้อนี้ สั่งก๊วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นครับ รสชาติพอใช้ หนักไปทางเค็มแบบจีนๆ แม่ครัวพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ทำเอาสั่งอยู่นานเมื่อท้องอิ่มก็ได้เวลากลับไปพักผ่อน เพื่อให้พร้อมที่จะลุยกันต่อในวันรุ่งขึ้น

IMG_9456

IMG_9487E

vivo city – sentosa – merlion ยักษ์

เช้าวันแรกในแดนต่างเมือง โรงแรมที่เราพักนั้นไม่มีอาหารเช้าให้ เราจึงมาฝากท้องระหว่างทางที่จะไป uss เราก็ได้ร้าน fastfood ที่คุ้นเคยที่ไทยนั้นคือ mc โดย mc ที่เราใช้บริการนี้อยู่ในห้าง vivo city ที่ด้านบนมีรถไฟฟ้า ไปเกาะ sentosa ซึ่งเป็นที่อยู่ของ uss

มื้อเช้าของผมวันนี้ ผมสั่งชุด breakfast ตามรูป มุมขวาล่าง ได้หนมปังสองชิ้น ไข่ แฮมเบอร์เกอ และปลาทอด อ่อ กาแฟขมๆอีกแก้ว อยากบอกว่าไม่อร่อยเลยจืดๆ ไม่ถูกปากอย่างแรง 555

หลังจากรองท้องแล้ว เราขึ้นมาชั้นบนสุดของห้าง บัตร Ezy link สามารถใช้ชำระค่ารถข้ามไปเกาะ sentosa ได้

IMG_9516

สำหรับสถานที่แรกบนเกาะที่เรามาทักทายก็คือ เจ้า Merlion ขนาดยักษ์ ซึ่งเป็นตัวที่ใหญ่ที่สุด อย่างที่เราทราบกันดีกว่าที่สิงคโปรมี Merlion สามตัว อีกสองตัวอยู่ตรง Merlion park ส่วนตัวนี้จะมีขนาดใหญ่ที่สุด อยู่ที่เกาะ sentosa ถ่ายรูปยืนยันกับเจ้าถิ่นว่าเรามาหาแล้วนะ 5555

Universal studio singapore หรือ เรียกย่อๆว่า USS

สำหรับ สวนสนุกมาตรฐานโลกที่อยู่ใกล้ไทยที่สุดคง ไม่พ้นที่นี้ พวกเรามาถึงกันแต่เช้า ก็มาต่อคิวทางเข้าซึ่งเปิดจริงๆ สิบโมง แต่ผมมาถึงเก้าโมงครึ่ง คนก็ต่อคิวกันพอสมควร โดยระหว่างรอ มีตัวการ์ตูนออกมาทักทายเรียกเสียงฮือฮาให้กับเด็กๆ บ้าง

IMG_9553

ประตูเปิดปุ๊บเครื่องเล่นแรกที่ใครใครต่างแนะนำคือ transformer เหมือนนั่งรถที่ฉายหนัง transformer สี่มิติ พาเราเข้าไปโลดแล่นใน transformer สนุกและมันส์อย่างที่เข้าบอกจริงๆ

 

ความหึกเหิมยังไม่หมดเห้เอ้เพื่อนผู้ร่วมทริป พาไปต่อกันที่ Mummy ซึ่งนี่ก็ถูกแนะนำมาเหมือนกันว่ามันส์ แต่เอ๊ะ ทำไมมีคำเตือนข้างหน้าด้วยเนี่ย แถมยังต้องฝากสัมภาระด้วย ด้วยตัวผมเองไม่ถนัดสายนี้ใจเริ่มหวั่น แต่ด้วยเอ้มันไม่มีเพื่อน ส่วนเต้หรอ บายแน่นอนกล่อมยังไงก็ไม่เข้า 555 ผมก็เข้าไปกับเอ้สองคน ด้านในหรอเดินลัดเลาะคดเคี้ยวยาวมากกว่าจึงถึง เอ้อลืมบอกไป ตอนที่เข้า transformer คิวก็ไม่เยอะนะครับ ที่นี้เหมือนกันเข้าไปถึง นั่งเลยเสียวเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ หลังจากรถไฟเหาะในร่ม(ขอเรียกแบบนี้ละกัน) เริ่มเร่งความเร็ว ตาผมก็หลับเกือบสนิท มือที่กุมแน่นและเสียงบ่นเบาๆว่า ไม่อาวววววแล้วว 55555

IMG_9568

ผมบอกกับเอ้เพื่อนผมไปว่า เห้ยกุไม่เอาและไม่ไหวแล้วว่ะ 555 ฉะนั้นเครื่องเล่นต่อไปของเรานี่ชิวมากเหมากับเด็กอายุไม่เกิน 12 ปี นั้นคือรถคุณปู่ จริงๆไม่ใช่ชื่อนี้หรอกครับ แต่เหมือนรถคุณปู่ที่ดรีมเวิล คือชิวมากๆๆๆๆๆ พวงมาลัยหมุนเองจนบางครั้งตีขาเจ็บถ้าไม่ระวัง

IMG_9605

โซนต่อมา the lost world มองเห็นเครื่องเล่น Canopy Flyer จากด้านล่าง อารมณ์เหมือนโดนไดโรเสาร์หิ้วไปกินที่รัง 555 มองจากข้างล่างเห้ย ช้าๆไม่เร็วน่าเล่นว่ะ เครื่องเล่นนี้ เต้ก็ขอผ่านอีกตามเคย ผมกับเอ้ไปกันสองคน แถวหน้ามีเด็กฝรั่ง เครื่องเล่นตัวนึงจะมีสองแถวคือหันหน้ากับหันหลัง พวกผมได้หันหลัง มีเหล็กล๊อกไว้ให้จับพอประมาณ ถึงเวลาก็ถูกลากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มสูง เริ่มเสียว แล้วทันในนั้นปล่อยไปตามแรงโน้มถ่วง ซึ่งเร็วมากกกกก โอ้วววว กะไม่เสียวแล้วแต่นี้เสียวววมากกกกกกกกกกก ไอ้เด็กฝรั่งข้างหน้าสงสัยตายด้านนิ่งเลย 5555 วนหนึ่งรอบเกือบตาย ลงมาขาสั่น

ไปต่อกันด้วย Jurassic Park Rapids อันนี้เหมือนล่องแก่งแบบที่ไทย ผมและเต้ไม่มีใครเตรียมเสื้อกันฝนมาเลย ยกเว้นเอ้ เสื้อที่นี้ก็แสนแพง เพราะฉะนั้นเสียสละคลุมกล้องของผมละกัน 555 ส่วนคนหรอเปียกก็เปียก ลำของเรามีสองพ่อลูกคนไทยร่วมแจมด้วย จะว่าไปสิงคโปร์คนไทยเยอะมากๆ ไปที่ไหนก็เจอ กลับมาที่เครื่องเล่น อารมณ์เหมือนกับล่องแก่งที่สวนสนุกบ้านเราแต่ มีเซอไพซ์ครับ เรือเราถูกดันขึ้นบนยอดสูงทันใดนั้นไทรันโนซอรัสโผล่มาแต่หัวจะง้ำเรา แล้วเรือก็พุ่งลงมาอย่างเร็วจน ตู๊มมมม เปียกทั้งตัว 555

IMG_9620

หลังจากเปียกบอน เรายังมาชมโชวต่างๆกันต่อเช่น shrek 4D การแสดง water world รวมถึงอาหารเที่ยงโซนมาดากัสก้า ซึ่งผมสั่งข้าวมันกับไก่ย่างปลาซิวกรอกซึ่งเป็นอาหารอินเดีย ซึ่ง ตามตรง ไม่อร่อยอย่างแรงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง และด้วยความที่อยู่บ้านมีผลไม่กินทุกวัน มานี้ไม่ได้กิลผลไม้วันเดียวจะลงแดงตายเลยต้องจัด แก้วใส่ผลไม้ราคามหาโหดตีเป็นเงินบาทเกือบร้อยยยย บาท  บ่ายๆก่อนกลับ เราแวะเล่น Transformer อีกรอบ เป็นอันร่ำลา USS

IMG_9624
Clarke Quay – Merlion Park

IMG_9659 IMG_9671 IMG_9674

ตามแผนแล้วเราต้องมากินข้าวเย็นกันที่ Clarke Quay แต่เรามาถึงเร็วและ มันยังไม่มีอะไร แถมพวกเราทั้งสามไม่ใช่ขาดื่ม 555 เราจึงเดินชมมาเรื่อยๆ กว่าจะหาทางข้ามไปยัง Merlion park ก็เหงื่อตกพอสมควร พึ่งมารู้ทีหลังว่า สามารถเดินลอดใต้สะพานได้ เราก็ถ่ายรูปบริเวณนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งบริเวณนี้ ชิวมากๆๆๆๆ เราถ่ายรูปกับ Merlion พ่นน้ำ คนที่นี้เยอะพอสมควร เราต้องรอถึงสองทุ่มเพื่อรอดูการแสดง แต่เราเริ่มหิวกันแล้ว มื้อเที่ยงที่แสนแพงและไม่อร่อยที่ USS เริ่มทำพิษ เราได้ร้านเล็กๆซึ่งน่าจะเป็นร้านกาแฟมากกว่าร้านข้าวเป็นที่พึ่งสำหรับมื้อเย็นนี้ บะหมี่แห้ง รสชาติไม่ได้อร่อยนักแต่ก็ช่วยได้ดี อิ่มแล้วเรากลับถ่ายรูปในบรรยากาศกลางคืนและปิดท้ายด้วย ชมการแสดงโชว์ แสงสีของตึก marina bay sand

IMG_9813E IMG_9785E

Garden by the bay

วันสุดท้ายที่สิงค์โปร check out เสร็จ มื้อเช้า ข้าวมันไก่ราคาไม่แพงแถวที่พัก ถึงแม้ไม่อร่อยมากแต่ก็พอรองท้องได้ สถานที่เที่ยวที่สุดท้าย ก่อนกลับบ้านคือ Garden by the bay ไปดู Super tree ฝีมือมนุษย์ แต่ก่อนไปเราแวะซื้อของฝากแถว Bugis และไหว้พระที่ Kuan Im Tng Temple ได้เห็นวิถีชีวิตของคนที่นี้ จริงๆคนที่นี้ก็น่าสงสารนะพื้นนี้น้อย ส่วนใหญ่อยู่คอนโด ร้านอาหารแบบร้านๆที่ไทยก็ไม่มี ไปที่ไหนก็เจอคนเยอะ กลับมาที่ Bugis เราหาซื้อของฝากซึ่ง… สิงค์โปรไม่รู้จะซื้ออะไรฝากดี สุดท้ายก็ไปจบลงที่ขนม ช๊อกโกแลต(จากญี่ปุ่นอีกที) และพวงกุญแจ 555

IMG_9852 IMG_9908

จบจากการซื้อของฝาก เราหอบหิ้วกระเป๋าที่หนักอึ้งเหมือนพวกบ้าหอบฟางมาที่ Garden By the by คนไม่เยอะมากแต่อากาศร้อนสุดๆ แถมกระเป๋าก็หนักสุดๆ เราเดินกันไม่ได้มาก ต้องมาพัดที่ร่มไม้ของ super tree แต่พอมีลมพัดมาก็ได้หายเหนื่อยกันบ้าง

IMG_9915

หลังจากพ่ายแพ้ให้อากาศอันร้อนระอุก็ได้เวลาจบทริปที่สนามบิน กลับบ้านเราไอเลิฟยูไทยแลน สามวันเอง คิดถึงกระเพรา คิดถึงส้มตำ คิดถึงผลไม้ 55555

เจอกันทริปหน้าตัดจบกันดื้อๆอย่างนี้แหละ 555——————–

 

 

IMG_9936

เรื่องราวต่างๆ ในทริปไปเกาะสุรินทร์

บางครั้งเรื่องราวต่างๆ ที่บันทึกอยู่ในภาพถ่ายก็ไม่ได้ครบครันไปซะทุกเรื่อง
บันทึกความทรงจำนี้จึงถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวว่า ช่วงเวลานั้นมันได้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
โดยเรื่องราวทั้งหมดมันได้เริ่มต้นจาก……….

พวกเรา 12 ชีวิต กิ๊บ จิ๊บ อิ๊บ กล้วย หวาน โจ้ โหน่ง เอ้ เจต เบิ้ม เต้ และผม ได้นัดพบกันที่สายใต้ใหม่ใหม่ ซึ่งเป็นการมาครั้งแรกของผมเลยก็ว่าได้ วันนี้(30/04/2009) ยังเป็นวันที่ผมต้องทำงานอยู่ จำใจต้องลา สองชั่วโมงเพื่อกลับบ้านมา เพื่อแต่ตัวและออกไปแบบว่ามีเวลาลาพอเพียง

ระหว่างทางมาสายใต้นั้น รถติดมากๆ คงเป็นเพราะว่าพรุ่งนี้เป็นวันแรกของการหยุดยาวสามวันนั้นเอง ผมใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงบนรถตู้ พร้อมกระเป๋าเป้หนึ่งใบ กระเป๋ากล้องหนึ่งใบ และถุงก๊อบแก๊บใส่ หนมปัง 2ห่อ อาหารกระป๋องอีกสอง เป็นเสบียงไว้ยามอยู่บนเกาะ

ผมถึงสายใต้เวลาประมาณ 18.30 น. ยังพอมีเวลากินข้าวหน่าาา ขึ้นไปพบเพื่อนที่นัดไว้ กลุ่มแรกที่ได้เจอคือ เอ้ กิ๊บ โจ้ โหน่ง ทุกคนหน้าตาเดิมๆ แก่ หรือเหยินไง เหยินอย่างนั้น(เสียงตุ๊บ รอคอยแต่ไกล อิอิ) ส่วนที่เปลี่ยนแปลงคงเป็นโจ้จำได้ว่าตอนเจอกันช่วงมีนาโจ้ดูแมนกว่านี้ ตอนนี้กลับเป็นแบบเดิม คงเป็นเพราะทรงผมนั้นเอง ระหว่างรอผมไปสั่งข้าวมันไก่มากินโดยต้องขอบคุณไอเดียไอ้เอ้? กินเกือบจะอิ่มแล้ว เบิ้มกะเต้ ก็มา จริงๆแล้วมันมาถึงก่อนผมแล้วหล่ะแต่ ไปหาซื้อสุราเมไรอยู่ อิอิ มันได้ 100pi มาขวด กะโซดาอีกประมาณหกขวด และตามมาด้วยกล้วยนั้นเอง กล้วยเปลี่ยนไปเยอะเพราะผมที่คุณเค้าไว้มานาน เหลือสั้นจู๋เลยแหละ

เอาหล่ะตอนนี้ก็จะ 18.50 แล้ว พวกเจต จิ๊บ อิ๊บ หวาน ยังมาไม่ถึงเลย เราเดิมไปรอแถวชานชลากันก่อนดีกว่า เราหาทางเดินลงชานชรา(เอ้) อยู่สักพัก ก็พบว่าทางเข้านั้นเค้ามีการตรวจบัตรโดยสารด้วยจำเป็นต้องแสดง แต่ตั๋วหล่ะ อยู่ที่เจต อ้าวววยังมาไม่ถึงอีก เรารอกันด้วยด้วยใจระทึก เต้กะเบิ้มมันก็ปวดฉี่แต่มันไม่กล้าเข้า เอาไว้เข้าบนรถเหอะมึง เดี๋ยวไม่ทัน 19.00 เจต อิ๊บ จิ๊บ หวานมาถึง

พวกเรารีบไปยังชานชลา โชคดีที่รถยังรอเรา เราจัดแจงขึ้นรถเลือกที่นั่งตามใจชอบ กิ๊บกะโหน่ง อิ๊บกะเจต จิ๊บกะหวาน? ผมกะเต้ เบิ้มกะเอ้ โจ้กะกล้วย เรานั่งอยู่โซนเดียวกัน รถคันนี้เป็นรถที่มุ่งหน้าปลายทางที่ อำเภอตะกั่วป่า ซึ่งเป็นอำเภอผมเคยได้ยินในข่าวสึนามิ เมื่อรถออกเบิ้มเข้าห้องน้ำก่อนเลย ส่วนเต้มันบอกขอเก็บไว้ก่อน ไม่รุว่ามันจะเก็บไว้ทำไม รถทัวร์ออกจาก สายใต้เกือบๆ 19.30 เนื่องจากรถติด

img_4396

รถทัวร์คันนี้ เค้ายังไม่ปิดไฟทำให้พวกเรานั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังเปิดหนังจีนเกี่ยวกะเจ้าพ่อโหดๆ ให้ดูอีกต่างหาก ระหว่างที่หนังมีฉาก XXX เอ้ก็ชื่นชอบเป็นพิเศษ ดูกันตาไม่กระพริบ ส่วนไอ้เต้ ร้องโอยๆอารัยของมันไม่รุ 555
กลางๆเรื่อง คนขับได้ปิดไฟ ในรถเริ่มเงียบบางคนได้นอนหลับพักผ่อน ส่วนเต้มันก็นั่งเล่าเรื่องชีวิตรักต่างๆของมันให้ฟัง จนผมก็งีบหลับไป…

ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่าอะไรสีน้ำเงินๆมันแยงตาพอลืมตาก็พบกับจอ TV ที่หนังจบแล้วแต่ไม่มีคนปิดทีวี จำใจต้องลุกและเดินทุลักทุเลไปปิดตามคำแนะนำของเต้มัน?? ระหว่างที่หลับตาได้อย่างสบายใจก็เริ่มมีสิ่งกวนใจผมอีกคือขวดโซดาที่ซื้อใส่ถุงก๊อบแก๊บนั้นเอง มันดังกระทบกันกริ้งๆๆๆ น่าหนวกหูชะมัด จนสุดท้ายต้องลุกขึ้นไปดูอ้าวววว มันหลุดจากถุงกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างสนุกสนานบนที่วางของชั้นบนเหนือหัวเราเลยนะเนี่ยดีแม่งไม่ตกใส่หัว อดไปเที่ยวแน่ 555

ระหว่างทางที่ในรถเงียบมีเพียงเสียงเครื่องยนต์ เสียงยางบดกะถนน เสียงลมและเสียงกรนของใครบางคนด้านหลัง ไฟรถก็เปิดขึ้นพรึบ !!! เสียงแก่ๆของ แอร์บนรถก็ปลุกทุกคนให้ตื่นแล้วก็บอกให้เอนเก้าอี้กลับมาดังเดิมเราจะพักกินข้าวกันแล้ว หลายๆคนตาลีตาเหลือก ทำนองว่า ไรวะๆๆ มีไรเกิดขึ้นวะเนี่ย และหลายๆคน สลึมสลือกันหมด

เบื้องหน้าเราเป็นป้ายขนาดมหึมา มีอักษรเขียนตัวใหญ่ๆว่า “คุณสาหร่าย”
เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าคุณสาหร่ายนี้มันใครอ่ะ ทำไมมาเปิดร้านขนาดมหึมา ซึ่งแทบหาที่อื่นใหญ่ไหนเท่าร้านนี้ บนถนนเส้นนี้ ในความคิดว่าชื่อแปลกชะมัดพลันนึกถึงดาราไทยที่เคยเป็นข่าวแต่งตัวเซ็กซี่ คุณสาหร่ายจาหัวหยิกๆแต่งตัวเอ๊กๆป่าวหว่า? คงไม่ม้างงงง 5555

และแล้ว head ทริปนี้ได้นำพวกเราไปยังที่นั่งทานอาหาร และก็พบไอดอลของคุณสาหร่ายเข้าจิงๆ คือเจ้ที่ท่าทางดุๆ เหมือนอารมณ์เสียมาจากไหนไม่รุ พูดเร็วๆ ฟังลำบากๆ สำเนียงใต้คนนี้ ทำเอาเพื่อนเราหลายท่านงอนเจ้คนนี้ไปเลย 555 และมันทำให้ผมฝังใจว่าหากพูดถึงคุณสาหร่ายเมื่อไหร่ผมจะนึกถึงเจ้คนนี้เมื่อนั้น 555

อาหารที่ได้ลิ้มลองคือ เป็นโต๊ะหมุนแบบโต๊ะจีนเป็นกับข้าว เป็นสิ่งที่ผมว่ามันไม่ดีอย่างยิ่ง ถ้ากินกับคนแปลกหน้าใครจะกินลง แต่รสชาติอาหารหลับสวนทางกับการจัดการของทางร้านคือ รสอาหารออกไปทางจัดจ้าน รสชาติถือว่าโอเคเลย ก่อนจะจากที่นี่เราก็ได้แวะทำเครื่องหมายไว้(ฉี่ไง)ว่ามาถึงแล้วนะเฟ้ยยย

รถจอดพักตอนตีหนึ่งประมาณ 20 นาทีแล้วรถก็ออกเดินทางต่อ จากชุมพรเราแยกออกถนนแบบเลนสวน ทางเริ่มคดเคี้ยวอย่างมาก รถราน้อยมาก รอบข้างมืดสนิด แต่ด้วยการที่หลับ เลยไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ จะมีรู้สึกตัวบ้างก็ตอนรถจอด สองถึงสามครั้ง มีพี่ทหารเดินขึ้นมาตรวจรถพลันก็กลัวว่า เพื่อนเราจะถูกหาว่าเป็นพม่าเข้าเมืองนี้สิ หึๆๆ

ตี 5 อยู่ๆไฟก็ติดขึ้นอีก พรึบ!!! โอ อีกแล้วรถคันนี้มันจะปลุกก็ปลุกเลยแฮะ แอร์รถก็มาแจ้งถามถึงท่านที่จะลงที่ คุระบุรี ซึ่งก็คือพวกเรานั้นเอง พลางปลุกกันแล้วก็ก้าวลงจากรถ

อ.คุระบุรี เป็นอำเภอเล็กแต่ไม่แน่ใจว่าพื้นที่เค้าเล็กหรือเปล่า แต่เขตเมืองนั้นเค้าเล็กจริงๆ ยาวแค่ประมาณ 2 Km มีบ้านเรียงรายมีเซเว่น 2 จุดมีธนาคาร มีหมามีแมวและอื่นๆอย่างที่อำเภอควรจะมี
ตอนที่เรามาถึง ถนนนั้นแถบไม่มีรถวิ่ง เมืองยังไม่ตื่น มีชายแปลกหน้าสองคน เดินมาถามว่าเป็นกรุ๊ปทัวร์ของเค้าหรือเปล่า หนึ่งในนั้นคือพี่ผู้ชายตัวสูงหน่อย เป็นเจ้าหน้าที่ของซาบิน่าทัวร์นั้นเอง

ตรงที่รถทัวร์เราจอด เป็นหน้าสถานนีบัญชาการใหญ่ของทางซาบิน่าทัวร์ พวกเรามีถึงเป็นกรุ๊ปแรกๆ พลางกันจัดแจงเก็บสัมพาระ ชาร์ตโทตับ เข้าห้องน้ำ ยึดพื้นที่ภายใน จนทำใครกรุ๊ปอื่นๆรอเข้าห้องน้ำนานเลยย

หลังจากเสร็จธุระ ก็เป็นช่วง free time บ้างไปเซเว่นตุนของ บ้างนั่งเล่น ถ่ายรูปตามประสา อยู่หน้าสำนักงาน รอเวลานั่งรถไปยังท่าเรือ เราได้รถเที่ยวที่สองซึ่งมีแต่พวกเรา ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการนั่งรถจากหน้าสำนักงานไปยังท่าเรือหรือที่ทำการอุทยานบนฝั่ง เจ้าหน้าที่ซาบิน่าปล่อยเราหน้าทางเข้า ข้างร้านไก่ทอดที่เจตบอกว่าอร่อย ตรงข้ามของอีกฝั่งถนนเป็น สำนักงานอีกแห่งของซาบิน่า ที่นี้เราต้องทำเรื่องเช่าเรือ อุปกรณ์ดำน้ำ ชูชีพ และลงชื่อประกันภัย

img_4405

ในขณะเดียวกันนั้นเองหลายๆคนก็ต่างพากันซื้อข้าวเหนียวไก่ทอด ข้าวหมกไก่ ไว้เป็นมื้อเช้า
ไก่ทอดร้านนี้คนขายเป็นผู้หญิงผิวคล้ำ และแน่นอนพูดสำเนียงทางใต้อีกทั้งเค้าเป็นอิสลาม ไก่ของเค้าน่ากินมา ได้แต่น้ำลายหกซื้อไว้ก่อน เพราะไม่มีเวลากินต้องรีบไปขึ้นเรือ แต่ที่เสียอย่างเดียวคือชิ้นเล็กไปนะครับ อิอิ

img_4418

เรามาถึงท่าเรือก็จะพบกับสัมพาระของเรา ที่เจ้าหน้าที่ จัดไว้ให้แบบไม่ต้องถือเลยแถมยังส่งลงเรือให้เราอีก เราก็ไปกันตัวเปล่า อิอิ เช้านี้จัดได้ว่าคลื่นลมสงบมาก พาหนะที่พาเราไปยังเกาะเป็น speed boat ลำใหญ่ (ใหญ่มากครับจุคนได้เกือบๆสามสิบคน) แถมยังซิ่งได้เร็วแรงอีกด้วย อย่างที่กล่าวไปว่าวันนี้คลื่มลมสงบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเมฆนะครับ เมฆก็มีพอสมควร เรานั่งเรือ ผ่านบริเวณฝั่งซึ่งมีเกาะเล็กเกาะน้อย ชายฝั่งบ้าง ออกสู่ทะเล และมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก

 

เวลาผ่านไปชั่วโมงนิดๆเราก็มาถึงเกาะ เกาะ เกาะ เกาะสุรินทร์นั้นเองเรือเริ่มลดความเร็ว เสียงลมเอื่อยๆ เข้ามาแทนที่เสียงเครื่องยนต์ ผมพบว่า ที่นี่น้ำมันเขียวโคตรๆๆ เลยครับ ตั้งแต่เกิดมาพบว่าที่นี้น้ำทะเลเขียวมาก ทราบด้านล่างคงขาว น้ำใสแจ๋วเลย แล้วเรือก็มาหยุดนิ่งใกล้ชายฝั่ง ขณะเดียวกันกับที่พวกเราทั้งสิบสองชีวิตกำลังตื่นตาตื่นใจ กับน้ำทะเลรอบๆตัว พลางสงสัยว่าอ้าวเค้าไม่ไปส่งถึงที่หรอเนี่ย สงสัยต้องว่ายน้ำไปหาดเองแหงๆ

 

สักพักคนขับเรือก็โทรเรียกเรือเล็กบริเวณนั้นๆ มารับพวกเราไปทีละชุดๆ และวแต่ว่าเราพักที่ไหน ผมไม่แน่ใจว่าเรือที่ใช้สัญจร บริเวณที่เรียกว่าเรืออะไรเป็นเรือแบบชาวบ้านมีขนาดใหญ่พอสำหรับคน ประมาณ 12-15 คน ตัวเรือทำจากไม้? มีคูโบต้าเป็นพลังขับเคลื่อน มีหลังคาที่ทำจากพืชที่อยู่บนเกาะ

ไม่นานเราก็มาถึงจุดที่เรียกว่าอ่าวช่องขาดซึ่งจะเป็นที่พักของเราสองคืน
หลังจากเสร็จจากติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะเรื่องเช่าเต็นท์ เช่าเรือ เช่าอุปกรณ์เครื่องนอน เราก็ขนของมายังเต็นท์ที่พัก เต็นท์เราเรียงรายอยู่แถวแรกของหาด จำนวน 7 เต็นท์ซึ่งพบว่า เต็นท์ริมสุดมีคนมาเอาไปนอนซะแล้วในวันแรก พวกเรา แบ่งกันนอน เต็นท์ละสองคนเก็บข้าวเก็บของ กินมื้อเช้าที่ได้จากร้านไก่ทอดที่ท่าเรือ ช่วงนี้หิวมาครับ โคตรอร่อยเลย แต่บางคนกินบนเรือไปแล้วเรียบร้อย

img_4432

ช่วงเวลาที่เหลือ ก่อนจะถึงเวลากินข้าวเที่ยงนี้เป็น Freetime ของพวกเรา เมื่อเราพักผ่อนกันจนหายเหนื่อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่พวกเราทั้งหมด จะลงน้ำเพื่อวอร์มอัพ ก่อนจะลงดำน้ำตอนบ่าย โดยเจตอาสาจะสอนเอ้ ส่วนกล้วยนั้น อาสาเฝ้าเต็นท์ พร้อมกับนิยายที่กล้วยมักอ่านเป็นประจำ

ทางผม เจต เต้ เอ้ เบิ้ม เต้ เล่นน้ำกันบริเวณหน้าที่พัก ส่วนคนที่เหลือดำไปบริเวณโขดหินทำให้จิ๊บกับ โจ้ได้รับบาดเจ็บจากหินบาด ทำเอาเพื่อนๆ ต้องมาช่วยกันปฐมพยาบาลกันใหญ่

img_4476

และแล้วก็ถึงเวลา 11 โมงเราต่างขึ้นจากน้ำ เตรียมตัวและเดินทางมายังโรงอาหารของอุทยาน เพื่อเติมพลังมื้อเที่ยงก่อนจะไปลุยกัน อาหารที่นี้พบว่า ถ้าไม่กินเป็นชุดหัวๆที่ทางอุทยานจัดไว้(ราคาค่อนข้างสูง) ก็จะเป็นอาหารจานเดียวไม่ว่าจะเป็น กระเพรา ข้าวผัด กระเทียมพริกไทย ไข่เจียว หากเป็นหมู ไก่ ก็จะตกที่จานละ 60 ส่วนปลาหมึกหรือกุ้งก็ 80 ไข่ดาว 10 ข้าวไข่เจียว 40 ใส่หมูสับ 50 โอ้ยจำได้แม่นเลย 555 แต่หากจะกินทะเลต้องมาลุ้นอีกว่า มื้อนั้นๆมีไหม แต่ถ้าเป็นชุดๆหัวๆแล้วยังไงก็มีหล่ะหน่าา

เรานั่งคุยกันพลางรออาหารไป อาหารที่เป็นชุดๆหัวๆจะออกก่อน พวกอาหารจานเดียวชนชั้นสองครับ อิอิ รอไปเถอะ เที่ยงเกือบครึ่งกว่าจะได้กิน? พูดถึงรสชาติอาหารจัดได้ว่าเกณฑ์ดีเลยมื้อแรกนี้อาหารรสจัดเผ็ดด้วย สมเป็นอาหารใต้

บ่ายโมงเวลาที่เรานัดกับเรือไว้เพื่อที่จะออกดำน้ำกันวันแรก? เรือที่เราได้เป็นเรือเบอร์ 10 มีคนขับเรือ 1 คน Staff 1 และเด็กน้อยอีก 1พี่ Staff เนี่ยหน้าแกเหมือนสรพงษ์ เพื่อนๆเลยตั้งชื่อให้แกแบบนั้น? พี่บนเรือทั้งสองคนสมเป็นชาวเกาะจริงๆ คือเข้มมากๆๆๆๆๆๆ ก็ดูดิแกเล่นนั่งเรือแบบไม่กลัวแดดเลย ส่วนพวกเรานั้น เคลือบไปด้วยสะสารที่เรียกว่า ครีมกันแดด

img_4490

บ่ายวันแรกนี้เราได้มาดำน้ำแถวอ่าวผักกาด และก็ถัดๆขึ้นมาเรื่อยๆ อันนี้จำชื่อไม่ได้ ระหว่างที่นั่งเรือไปยังที่ดำน้ำผมหันไปมองเพื่อนข้างๆซึ้งนั้นก็คือ ไอ้เอ้ มันตัวสั่น หน้าซีดๆ แบบกลัวสุดๆ ท่าจะเป็นเอามา
ในการลงดำน้ำครั้งแรกคงต้องพูดถึงเอ้ ผู้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Water Moniter (อันนี้ทราบในภายหลัง) เป็นโรคกลัวน้ำมากเกาะผมแน่นมาก กว่าจะแกะออกและลากไปได้ลำบากมาก? แต่สุดท้ายในการดำรอบหลังๆ มันก็ข้ามจุดที่กลัวไปได้ จนตอนนี้จากที่ไม่กล้าแม้แต่ลงน้ำ สามารถดำดูปักการังคนเดียวได้แล้ว น่าชื่อชมพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้จริงๆ(Water Moniter)

ใต้น้ำวันแรกนี้พบปลาบ้าง ปักการังบาง แต่ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย ได้สัมผัสกับโลกใต้น้ำจริงๆจังๆเป็นครั้งแรก ของผม

img_4666

 

สี่โมงเย็นเรากลับมาถึงที่พัก เราแวะพักเล่นน้ำและถ่ายรูปก่อน ก่อนที่จะแวะสั่งอาหารและกลับที่พักเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำอาบท่า? พูดถึงที่พักเราพบว่าเต้นท์ที่ระบุไว้ว่าสองคนนี้ก็ใหญ่พอสมควร จริงๆนอนได้สามเลยแหละ แต่เต้นท์หลายๆเต้นท์สภาพไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก คงเป็นเพราะผ่านร้อนผ่านฝนผ่านหนาวมามาก ความสะอาดของเต็นท์ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร มีทรายอยู่พอสมควรตอนที่เข้ามาครั้งแรก แต่ก็รับได้หาไม้กวาดมาปัดๆหน่อยก็โอและ ส่วนเครื่องนอนที่เราได้มานั้นเป็น หมอน 1 ถุงนอน 1 แผ่นปู 1 ก็พอใช้แก้ขัดได้

 

หลังจากที่เตรียมตัวมาอาบน้ำเรียบร้อยเราก็ตรงมายังห้องน้ำ ห้องน้ำที่นี้มีสองชุด ชุดใกล้เต็นท์เป็นไม้ อีกชุดเป็นปูนเลือกเอาตามใจชอบ ชุดที่เป็นไม้ดูโทรมๆไปหน่อยไม่กล้าอาบเลย ทำให้เราต้องเดินไกลมาอาบอีกชุด? เวลานี้(ประมาณ 5 โมง) ยังไม่ค่อยมีคนมาอาบส่วนหนึ่งเพราะเขายังไม่กลับมากัน

img_4483

เมื่ออาบน้ำเรียบร้อยเราต่างกันทะยอยมาที่โต๊ะอาหาร เอ เอ้ กล้วย เต้ เบิ้ม มาถึงกันก่อนเนื่องจากต้องการโต๊ะตัวนี้เพราะอยู่ใกล้ปลั๊กไฟ สามารถชาร์ตแบตได้ เพื่อนหลายๆคนได้เตรียมปลั๊กมาต่อพ่วงกันทำให้มีที่เสียบเพียงพอสำหรับพวกเราส่วนคนอื่น อด 555

มื้อเย็นนี้ผมได้มีโอกาสได้กินทะเลทอดกระเทียมพริกไท (ซึ้งมาพบตอนจบทริปแล้วว่าเป็นอาหารทะเลมื้อเดียวบนเกาะ!!) เนื้อจากวันนี้เรือใหญ่เข้าและมีวัตถุดิบทางทะเลมาทำอาหารนั้นเอง

img_4534

คืนแรกบนเกาะนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะร้อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน มากๆ ร้อนนนนถึงร้อนโคตรๆ ต้องอาศัยแป้งเย็น ลมก็พัดน้อยมากแถบไม่รู้สึกถ้าไม่อยู่นิ่งๆ พวกเราได้เช่าเสื่อมาสองผืนปูและนั่งคุยกัน ตรงหน้าเต็นท์ ส่วนเต้และเบิ้ม ตั้งวงเหล้ากันสองคนตามประสาคนเมา เรานั่งคุยกันไม่นาน สามทุ่มก็แยกย้ายกันเข้านอนเนื่องจากเหน็จเหนือ่ยมาทั้งวัน อีกทั้งยังเพลียจากการเดินทางไกล ทำเอาผมหลับลงในที่ ที่ร้อนระอุได้ไม่ยากนัก

img_4546

เช้าวันแรกบนเกาะ ผมตื่นตั้งแต่ หกโมงก็พบคนที่ตื่นก่อนผมนั้นคือเจต เนื่องจากอากาศร้อนจึงทำให้นอนต่อไปในเต็นท์ไม่ไหว ทั้งที่เมื่อคืนผมและเจตได้เปิดเต็นท์นอนอย่างไม่อายใคร แถมยังเปิดพุงหน่อยๆด้วย 555 ก็มันร้อนสุดๆเลย

วันนี้ช่วงเช้าอากาศไม่สู้ดีนักคือมีเมฆพอสมควร ลมเอื่อยๆแทบไม่พัด พวกเราพากันทยอยตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปลงฟัน และเปลี่ยนชุดสำหรับลงน้ำ เจ็ดโมงเราเจอกันที่โรงอาหารสั่งของกินเพื่อเพิ่มพลัง ที่จะใช้ในวันนี้
แปดโมงทุกคนอิ่มกันเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปยังท่าเรือพี่สรพงษ์ก็ได้รอเราอยู่แล้วที่นั้น วันนี้เรือที่เราใช้ยังเป็นลำเดิม คนเดิม มีลูกอมสำหรับอมให้ชุ้มคอเวลาเจอน้ำทะเลมากๆ ต้องขอบคุณพี่เห้ของเราที่จัดมา อีกทั้งวันนี้บนเรือยังมีถั่วเพื่อเพิ่มพลังตดอีกด้วย

img_4634

รอบเช้าเรานั่งเรือจากที่พักประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อไปยังเกาะที่อยู่เหนือที่สุดของหมู่เกาะสุรินทร์ นั้นคือเกาะ ตอริก้า(เขียนถูกไหมหว่า) เกาะนี้ผมให้ความสวยอันดับหนึ่งของทริบนี้เลย บริเวณนี้ปลาเยอะ ปักการังเยอะ น้ำทั้งตื้นและลึกแต่ก็ใสมากๆๆ เหมือนโลกใต้บาดาลในการ์ตูนเลยครับ

หลังจากดำที่เกาะตอริก้าแล้วเราก็กลับมาดำแถวๆเกาะสุรินทร์เหนือและใต้ อีกสองแห่งก่อนที่จะกลับมาที่ทำการอุทยานเพื่อเติมพลังมื้อเที่ยงกัน? บ่ายวันนี้เรามีสถานที่นึงที่จะไปและไม่ใช่ที่ดำน้ำนั้นคือ หมู่บ้านชาวมอแกน ก่อนถึงหมู่บ้านเราเห็นชายแก่นุ่งลิงตัวเดียวขับเรือสวนกับเราซึ่งมารู้ทีหลังจากพี่สรพงษ์ว่า นั้นแหละหัวหน้าหมู่บ้าน

img_4663

ที่หมู่บ้านมอแกนซึ่งเป็นชนเผ่าเล็กๆอาศัยการจับปลาอยู่รอด และใช้ชีวิตแบบพื้นบ้าน บนหาดแห่งนี้ผมรู้สึกว่าค่อนข้างสกปรก และคิดว่าประเพณีดั้งเดิมของเค้ากำลังจะเปลี่ยนไป ภาพที่คิดไว้ก่อนจะมาเลยผิดกันเลยแต่ก็ยังมีเพียงเล็กน้อยที่ได้ฟังจากพี่สรพงษ์ เช่นเรื่องการเอาพืชสมุนไพรมาเป็นยา? เอาใบไม้มามุงหลังคา
ครั้งนี้เราได้เอาของมาแจกเด็กๆชาวมอแกนกัน แต่ก็มีเรื่องบ้างในภายหลังอันนี้สอบถามได้จากกิ๊บ

หลังจากลงเดินเล่นบริเวณหมู่บ้านมอแกนเป็นเวลายี่สิบนาที เราก็ไปดำน้ำกันต่อแถวๆอ่าวเต่า และอ่านอื่นๆจำชื่อไม่ได้ แต่ในความเห็นก็สู้ ตอริก้าไม่ได้ อิอิ ว่าแต่ ช่วงหลังๆ เริ่มเหนื่อยกับการดำน้ำเต็มที่ แถมอยากลอยเฉยๆ น้ำที่นี่ก็พัดเหมือนกันถึงแม้จะดูนิ่งๆ เงยหน้ามาอีกทีก็ไกลเรือและ อิอิ

img_4723

เย็นนี้เรากลับมาเข้าฝั่งก็สไตล์เดิมคือบางคนแรงเยอะๆก็เล่นน้ำกันต่อบางคนก็อาบน้ำ เย็นวันนี้ฟ้ามาครึ้มเลย เสียงร้องมาแต่ไกล ผม เอ้ เต้จึงรีบเก็บของแล้วก็วิ่งลุยฝน ไปคอยเพื่อนๆที่โรงอาหารก่อน วันนี้เป็นมื้อเดียวที่เราสั่งเป็นกับข้าวแต่ด้วยความซวย ดันไม่มีอาหารทะเล 5555
ฝนได้กระหน่ำอยู่สักพัก ในใจก็ห่วงเต็นท์ พอฝนเริ่มซาเพื่อนก็มาถึงทีละคนสองคน จนถึงเวลาบประทานอาหารกัน

หลังจากอิ่มกับมื้อเย็นแล้ว เราไปชุมนุมกันบริเวณ ที่ทำการอุทยาน หวานได้เขียนโปสการ์ด จิ๊บ อิ๊บ หวาน ยืนอ่านสมุดเยี่ยม คนอื่นๆคุนกันบ้างดูหนังบ้าง แล้วไม่ทันไรไฟก็ดับพรึบ มืดไปหมดเลย 555? แต่ไม่นานไฟก็มา เรานั่งคุยเล่นกันสักพักก่อนกลับเต็นท์เราก็เช่าเสื่อเพิ่ม
วันนี้ถึงแม้ฝนพึ่งตกไปแต่ก็ยังร้อนระอุเหมือนเดิม? พวกเรามาตั้งวงปูเสื่อกันหน้าที่พักเหมือนวันแรกแต่พื้นที่ใหญ่กว่าเดิม ส่วนเต้และเบิ้มยังคงแด๊กเหล้าโดยไม่มีน้ำแข็งมาช่วยในคืนนี้ พร้อมกับปรับทุกข์สุขกันสองคนอย่างเมามัน ส่วนทางนี้คนอื่นๆนั่งล้อมเป็นวงปรึกษากันว่า เราจะเล่นไรดี
แล้วคืนนี้เองเราก็ได้เล่นอะไรหลายๆอย่างเช่น ไพ่ตบตีกันมันส์จริงๆ ไพ่ตอแหลชื่อก็บอกอยู่แล้ว แล้วก็เกมส์สุดมันส์ที่ฮิตในหมู่วัยรุ่นกันมากเค้าเรียกไรนะจำชื่อไม่ได้ แต่เกมส์นี้สุดมันส์เลย มันได้ลุ้นดี ต้องคิดไวและไม่ซื้อกับคนอื่นถึงจะรอดได้ 555 อ้อลืมบอกไปไอ้เกมส์ที่มัน นึกชื่ออ่ะเช่น ชื่อผลไม้ (อันนี้คือการจำลองการเล่นเพราะจำไม่ได้ใครพูดอะไร) หวาน:มังคุด จิ๊บ:แตงโม เจต:ส้มโอ? เอ้:มะนาว ตุ๊บๆๆๆๆ(เสียงไอ้เอ้โดนตี 555)

img_4762

เราเล่นกันอย่างเมามันส์ และในเกมส์สุดท้ายเป็นผมที่เป็นฝ่ายโดนตุ๊บๆ ซะเอง 555 สี่ทุ่มแล้วอากาศก็ยังร้อนทำให้ใครหลายๆคน ขอปูเสื่อนอนกันข้างนอก แล้วคืนนั้นถึงแม้จะร้อนก็ทำเอาผมหลับได้ไม่ยาก

ขณะที่กำลังหลับ ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเนื่องจากได้ยินเสียงแปลกๆ แกรกๆๆๆ เหทือนใครเอาเล็บมาขูดเต็นท์เป็นจังหว่ะๆ พอผมขยับ มันจะเงียบ ผมเงียบมันจะแกรกๆ ต่อผมคว้าไฟฉายมาส่องยังมุมเต็นท์ แต่ก็ไม่พบอะไร เนื่องจากผมเปิดเต็นท์นอนทำให้หยองนิดๆว่าจะเป็นตัวไรหว่าาา แต่เสียงนั้นไม่ได้มาจากในเต็นท์แต่กลับมาจากข้างนอกด้านล่าง ผมพยายามนิ่งในความมือสังเกตเห็นมุมเต็นท์ขยับๆ มีบางอย่างอยู่ข้างล่าง เท่านี้ก็สบายใจและมันจะตัวอะไรก็ช่าง นอนดีกว่าเรา

เกือบๆตีสาม เจตขนของเข้ามาที่เต็นท์บอกฝนกำลังจะตก? อ้าววว ตายหล่ะหว่าตกอีกแล้ว มองฟ้าดูมันแวบๆ เพื่อนที่นอนด้านนอกต่างเข้าไปยังเต็นท์แต่ละคนพูดไม่นานฝนก็เทกระหน่ำอย่างกับฟ้ารั่วเราจึงรีบปิดเต็นท์ทันที? คืนนี้ฝนตกหนักมากลมก็แรง? แต่ผมก็หลับไปทั้งๆที่มีน้ำหยดลงติ๋งๆ ที่เท้า -_-”
คืนนี้ได้มีเหตุการบางอย่างเกิดขึ้นที่เต็นท์เอ้กะโหน่งคือมีปูเข้าเต็นท์ และผู้รอดชีวิตทั้งสองได้หนีมาอยู่ยังเต็นท์ข้างๆและไม่นานเต็นท์หวานก็เกิดภัยพิบัติเหมือนกับเต็นท์เอ้

img_4767

เช้าวันสุดท้ายกับชีวิตบนเกาะ เช้านี้ฝนได้หยุดแล้วก็ก็มีเมฆมาก เราก็ทำภารกิจเดิมๆคืออาบน้ำกินข้าว บางคนก็ยังนอนอยู่เนื้องจากไม่มีโปรแกรมไปไหน หลังจากกินข้าวมื้อเช้าเรียบร้อย บางส่วนก็ไปเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติกัน ป่าที่เราเดินในวันนี้เป็นป่าดิบชื่อ ที่ฝนพึ่งตกไปเมื่อคืนทำให้ ในป่ามีอากาศชื้นๆ เย็นๆ? เราไปกัน เจต อิ๊บ จิ๊บ หวาน โจ้ เอ เต้ เอ้ เบิ้ม ระหว่างทางก็มีทุลักทุเลบ้าง แต่ก็ยังมีบรรยากาศสวยๆเพราะทางที่เราเดินไปนั้นจะเลียบหน้าผา กับทะเล มีมุม ดูทะเลเป็นระยะๆ จะว่าไปที่นี่มีปูเสฉวนให้เห็นมากมายตามโขดหินและหาดทราย เราเดินเล่นกันไปเพียงสามสถานนี ด้วยเหตุที่ฟ้าครึ้มเวลาน้อยทำให้เราไปได้ประมาณครึ่งทางก็จำเป็นต้องหันหัวกลับมายังที่พัก

กลับมาที่พัก ฝนก็บรรเลงกระหน่ำตกลงมา เราต่างคนต่างวิ่งกลับรีบเข้าเต็นท์ แล้วรีบปิดเต็นท์ผมอยู่ในเต็นท์คนเดียวลมแรงมากแอบมองเต็นข้างๆ มีโจ กล้วยและกิ๊บที่พึ่งตื่นนอน คุยกันอยู่ผมอยู่คนเดียวในเต็นท์ระหว่างนั้นน้ำก็เข้าเต็นท์เรื่อยๆ จนต้องสร้าางเขื่อนและวิดน้ำออก อย่างเมามัน ในใจคิดว่านี่ตูต้องติดเกาะอีกวันไหมเนี่ย

img_4763_0

แล้วมันก็หยุดตก ได้เวลาอาบน้ำและเคลื่อนพลไปยังโรงอาหารเพื่อรับประทานอาหารกลางวันมื้อสุดท้ายบนเกาะ ทุกๆคนช่วยกันเก็บของเช็คสัมพาระ
ก่อนรับประทานอาหาร แล้วถัดจากนั้น เราก็มาถ่ายรูปเพื่อเป็นที่ระลึกกัน จนได้เวลาบ่ายโมง ถึงเวลาที่ต้องจำจากหมู่เกาะสุรินทร์เกาะแห่งการดำน้ำนี่แล้ววว ขากลับไปที่ฝั่งเรายังคงได้นั่ง speed boat ลำโตๆ อีกดังเช่นขามา แต่เที่ยวกลับนี้มีคลื่นทำให้เรือของเราเด้งๆๆๆ 555 ทำเอามึนเลยแถมยังหักหลบ ฉลามอีกต่างหากมันส์จิงๆ

 

กลับมาถึงฝั่งโดยสวัสดิภาพ ก็จะพบกับวลีหมายเลขสองมาคอยต้องรับพร้อมเชิญชวนดื่นน้ำที่เค้าจัดเตรียมไว้ให้ คืนของและขึ้นรถกลับตัวเมืองคุระบุรี
ขากลับโจ้ยังแวะลิ้มลองไก่ทอดเหมือนเดิม แถมยังกล้านั่งกินคนเดียวในรถอีกด้วย 5555

ตอนนี้ก็บ่ายสองเกือบสามแล้ว พวกเรามาถึงกรุ๊ปแรกๆอีกแล้ว กรุ๊ปอื่นๆเริ่มทะยอยกันมาถึง เราใช้เวลาว่างที่เหลือ อยู่ไปกับหา หาอาหารทะเลรสชาติเยี่ยม ที่ไม่ได้มีโอกาสที่ลิ้มลองบนเกาะ ความอยากได้มาระบายจนหมดกับร้านอาหารทะเลที่อยู่ข้างๆ ออฟฟิตของ ซาบีน่า นั้นเอง อาหารชื่อแปลกๆ แต่ละอย่างรสชาติดี ทอดมันไข่เค็มงี้ โดเรมอนงี้ อีกทั้งยังมีโรตี มะตะบะร้านข้างหน้ามาเพิ่มความเปรมปรีให้พวกเราอีกต่างหาก ในราคาที่ไม่สูงมาก เยี่ยมจริงๆ

หลังจากเต็มอิ่มกับอาหารมื้อที่ดีที่สุดในทริปแล้ว เรากลับมาที่ออฟฟิต นั่งคุยกันบ้าง จนเมื่อเริ่มเย็นพวกเราทั้งหมดได้เดินไปยังตลาดนัดริมถนนเพื่อไปหาของกิน เพิ่มเติม? เดินเลือกซื้อพลางต่อพลางกินไปด้วย สนุกสนาน กันไป คนที่นี่มีเอกลักษณ์ของคนใต้จริงๆครับ

img_4797

พระอาทิตย์ตกแล้วเราเดินกลับมายัง ออฟฟิตของซาบีน่า รถจะมาตอน 6.45 ยังมีเวลาอีกสักพัก? พี่ที่ออฟฟิตแนะให้เราไปนั่งเล่นคอยรถที่ข้างบนเดี๋ยวพี่แกจะเรียกเอง แล้วพวกเราก็เริ่มเล่นไพ่ตอแหลกันบนฝั่ง ขณะที่แจกไพ่ยังไม่ทันจะหมด ได้มีสาวน้อยผู้หนึ่งไม่ทราบนามเปิดประตูเข้ามาแล้วถามว่า “ใช่ที่ไปกับภูเก็ตเซ็ลทรัลทัวร์หรือเปล่าคะรถมาแล้วค่ะ”? พวกเราวงแตกในทันใดต่างกระจัดกระเจิงเก็บของ ของตัวเองแบบไม่คิดชีวิต แต่เมื่อกำลังเดินไปที่รถ เจ้าหน้าที่ก็มาบอกว่า “รถของกรุ๊บคุณเจษฎายังไม่มาค่ะ เดี๋ยวมาแล้วจะบอกค่ะ”(พูดสำเนียงทางใต้จินตนาการเอานะ)? ทำเอาเราเซงกันไปตามกัน ผมแอบเห็นผู้หญิงคนนั้น ทำหน้าขอโทษๆณู้สึกผิดที่ บอกเราผิด

หลังจากโดนหลอกลวงจากกรุ๊ปทัวร์อื่น เราก็มาประจำกันหน้าออฟฟิต คงเพราะว่ากรุ๊ปอื่นๆไปกันหมดแล้ว เราก็เริ่มตั้งวงอีกเกมนั้นแหละที่ตีๆกันอ่ะ ตอบให้ทัน ตอบให้ถูก ตอบให้ไม่ซื้อคุณรอดแน่ 555 ผมเห็น เจ้าหน้าที่หัวเราะกับเกมของพวกเรา แกหัวเราะดังด้วยเหมือนสนุกไปด้วยงั้นแหละ แถมแกยังทิ้งท้ายว่า”อย่าไปเล่นบนรถทัวร์นะเดี๋ยวเค้าจะตกใจ 555”? และพี่วลีสอง ก็ยืนส่งเรากลับโดยสวัสดิภาพ พร้อมกับบอกว่า “โชคดีนะคะน้อง รถจะพักให้ทานอาหารที่คุณสาหร่ายยยยยยยย ” อีกแล้วครับชื่อนี้อีกแล้ววว? ชื่อนี่ทีไรเซงทุกที 5555

img_4794

รถทัวร์เที่ยวนี้เราจำเป็นต้องนั่งแยกกลุ่มกัน ดูเหมือนทุกๆคนเริ่มหมดแรงไม่ค่อยคุยกันเท่าไหร่หนักแล้วต่างคนต่างก็หลับพร้อมกับรถทัวร์ที่เอนไปมาเนื่องจากทางที่คดเคี้ยว

พรึบ !!! เอาอีกแล้วถึงแล้วหรือเนี่ย เราพากันเดินไปยังโต๊ะอาหาร บางคนก็ไม่กิน มื้อรอบกลับนี้รสชาติอาหารยังใช้ได้ดีเหมือนเดิมครับ แล้วก็แยกย้ายบางคนก็ซื้อของฝากซึ่งผมสังเกตว่าราคาสูงพอสมควรเลย

ค่ำคืนนี้บนรถทัวร์พวกเราต่างหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากทริปนี้ แต่ยังมีมิตรภาพ ความทรงจำต่างๆมากมายที่จะเก็บไว้ ยากที่จะลืม ………

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากทริปนี้
– อาหารใต้รสชาติจัดออกเค็ม
– กินอาหารเป็นแพคเก็ตคือชนชั้น 1 กินอาหารจานเดียว ชนชั้นสอง T T
– คนใต้พูดแล้วฟังยากนะเนี่ย
– เอ้มีชื่ออังกฤษว่า Water Monitor
– Water monitor ได้เข้าใจทฤษฎีที่ว่า ใส่ชูชีพแล้วไม่จม
– อย่าอมลูกอมขณะดำน้ำสน๊อกเกิ้ล(อมแล้วจะไม่มีไรไว้หายใจ)
– ภาคใต้นี้เหมือนภาคเหนือ(ภูเขา)+ตะวันออกเลยเนาะ(ทะเล)
– ไก่อร่อยอ่ะอยากกินอีก
– ของฝากเต้าส้อที่ซื้อมาที่แท้ก็ขนมเปี๊ยะนี่เอง
– กินเหล้าไม่มีน้ำแข็งก็กินได้เนาะ
– รู้จักว่าการเอาตัวไปชุบครีมกันแดดมันเป็นยังไง
– อายุ 24 -25 ยังเล่นแบบเด็กๆได้แบบไม่อายใคร

เรื่องราวนี้ใช้เวลานึกและเขียนประมาณสามวันแหนะ 555 ยาวจริงๆแต่คิดว่ารายละเอียดมันเยอะกว่านี้แน่ๆ แล้วเจอกันในทริปหน้า