ขับรถเล่นกว่า 1500 km ตาก สุโขทัย อยุธยา ของแถมที่ได้คือประสบการณ์(Part หลัง)

การเดินทางยังคงดำเนินต่อ แต่หลังจากนี้สิ่งที่จะเกิดขึ้น จะแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง จนชักสงสัยว่า มันรวมเป็นทริปเดียวกันได้ยังไง O_O 5555

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

0:35 น. หลับๆตื่นๆ
แสงจันทร์ในคืนข้างขึ้นกับลมพักเอื่อยๆ  บนยอดดอยแห่งนี้อากาศไม่หนาวมาก ดูเหมือนบรรยากาศชวนเงียบเหงา แต่ไม่เลย ผมยังคงได้ยินเสียง คร๊อกกกกกกก คร๊อกกกกก ตลอดทั้งคืน บางสิ่งบางอย่างทำให้ไม่อาจจะหลับสบายได้เหมือนอยู่ที่บ้าน ทั้งๆที่เมื่อคืนก็นอนน้อย ออกจากบ้านแต่เช้า แต่นี่ก็ดึกแล้ว ยังไม่ได้พักเต็มๆที่สักที มัวแต่หลับๆตื่นๆ คงไม่ใช่เพราะเสียงกรนของพี่ๆ ที่อยู่ในเต้นท์ที่ห่างออกไป แต่อาจจะเป็นพื้นแข็งๆ ตรงหลังของผมนี้แหละ เอ๊ะ เรากางเต้นท์บนหินหรือเปล่าเนี่ย หรือว่าตรงแข็งๆนูนๆนี่คือกระโหลกคน คิดไปนั้น นอนๆๆๆๆๆIMG_5426

4:30 น. เสียงสวดดังขึ้น
ขณะกำลังฝันหวาน อากาศเริ่มเย็นขึ้น ทันใดนั้นเอง เสียงสวดดังขึ้น เสียงจริงๆครับ ไม่ได้หลอน เป็นเสียงสวดที่ฟังแล้ว ไม่เหมือนภาษาไทยแน่ๆ คงมาจากหมู่บ้านชาวเมียร์ม่าด้านล่าง ความเงียบทำให้เสียงสวดดังก้องรอบๆบริเวณนั้น ฟังไปฟังมาก็เพลินดีครับ ฟังยันเช้าเลย จนพระอาทิตย์ขึ้นนู้นแหละครับถึงเงียบ

IMG_5435

6:30 น. เตรียมตัวออกเดินทาง
จริงๆ ตั้งแต่ตื่นตอนตีสี่ ผมก็นอนไม่ค่อยหลับครับ แพลนผมเช้านี้จะต้องกลับไปยังที่ทำการของอุทยาน และอาบน้ำอาบท่า ก่อนจะออกจากที่ทำการ ไม่เกิดแปดโมง เช้านี้อากาศดีครับไม่เย็นมาก(ณ เวลาที่เขียนบึกทึกอากาศที่บ้านที่สมุทรปราการยังหนาวซะกว่า) ลมเอื่อยๆ เมฆเยอะ หมอกแทบไม่มีให้เห็น แถมยังอยู่ไกลริบๆนู้นนนนนน -_-” พี่ๆนักตกปลาก็เริ่มตื่นแล้ว ผมเดินไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟันเรียบร้อย มื้อเช้าของผมวันนี้คือ นมและหนมปังที่ซื้อจากเซเว่นเมื่อวาน ผมใช้เวลาในการเก็บเต้นท์ไม่นาน พี่นักตกปลาท่านนึงเดินมาคุยกับผมระหว่างผมเก็บข้าวของ จริงๆแล้วเมื่อวานพี่ๆนักตกปลาได้ชวนผมทานข้าวต้มตอนเช้า ผมได้แต่ขอบคุณสำหรับน้ำใจ แต่ผมต้องรีบเดินทางต่อ พร้อมกับกล่าวอำลาและขอบคุณพี่ๆอีกครั้ง

IMG_5446

7:30 น. การเดินทางของวันที่สองกำลังเริ่มต้น
เมื่อมาถึงตัวที่ทำการ ก็พบกับนักท่องเที่ยวบางส่วน ประมาณสามเต้นท์พักแรมกันที่นี่ ผมจัดแจง อาบน้ำอาบท่า อากาศก็ไม่ได้เย็นเท่าไหร่นะแต่น้ำนี่สิโคตรรรรรรรรรรรรรรร จะเย็นเลย แถมเป็นขัน สาดๆๆๆ จี๊ดดดไปถึงใจดุจโดนคาถาฟรอสเข้าใส่ 5555

โอเคพร้อม ออกเลย ขับรถมาเรื่อยๆ ใกล้จะถึงทางออกจะพบกับจุดชมวิวแม่น้ำเมย แม่น้ำเมยเป็นแม่น้ำที่แปลกครับไหลจากทิศใต้ไปเหนือ และเป็นแม่น้ำที่กั้นระหว่างประเทศไทยกับเมียร์ม่าอีกด้วย ไหนๆก็ผ่านและยังมีเวลาขึ้นมาชมสักหน่อยละกัน

IMG_5468

จุดชมวิวน๊้ทำให้ผมรู้ว่า ผมใกล้จะลงจอดบนโลกมนุษย์แล้ว หลังจากที่ไปใช้ชีวิตอยู่บนดาวอังคารมาคืนนึงเต็มๆ 5555 จุดหมายของผมในวันนี้ นั้นคือ อุทยานแห่งชาติสุโขทัย เห้ยมันใช่หรอ มันมีซะที่ไหนต้องอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งผมจะพาย้อนนนนนน เวลากลับไปสมัยพ่อขุนรามคำแหงกัน

8:30 น. หมู่บ้านผู้อพยพอีกครั้ง
ออกจากอุทยาน ผมใช้เส้นทางเดิมคือมุ่งหน้ากกลับมายังแม่สอด ระหว่างทางยังคงผ่านหมู่บ้านผู้อพยพลี้ภัยสงคราม จึงทำให้นึกถึงเรื่องที่ พี่ๆนักตกปลา เล่าให้ฟังว่า เมื่อวานพี่ๆเค้าเข้าไปเที่ยวมา เค้าให้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปครับ แต่ห้ามถ่ายรูป ด้านในมีสินค้าขาย บ้านบางหลัง มีถุงน้ำพลาสติกแขวนหลายสิบถุง แขวนตามชายหลังคา พี่เค้าจึงเข้าไปถามว่าน้ำอะไรขายเท่่าไหร่ ชาวบ้านก็หัวเราะและบอกกับพวกพี่ๆว่า ไม่ได้ขายนี้เอาไว้ดับไฟ เพราะบ้านที่นี้ทำจากใบไม้ทั้งนั้นไฟไหม้ได้ง่าย นี่แหละอุปกรณ์ดับไฟของพวกเขา เจอปุ๊บปาปั๊บ

ผมลืมเล่าไป อีกอย่างคือที่เส้นทางช่วงตากมาแม่สอด ด่านจะเยอะมากๆ ครับ บางด่านก็จะขอให้ลดกระจกลงมองหน้า อืม….. หน้าแมวๆ ไม่มีพิษมีภัย เชิญครับๆ เค้าก็จะปล่อยๆเราไป

 

12:15 น. สัญญาณเตือนภัย
หลังจากขับรถยาวมาตามทางหลวงหมายเลข 12 อีกไม่กี่กิโลผมจะถึงอุทยานแล้ว จากประสบการณ์ การหาข้าวกินแถวๆสถานที่ท่องเที่ยวนับว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีนักสำหรับคนที่ต้องการประหยัดอย่างผม เอาล่ะก่อนเข้าอุทยานหาข้าวกินสักหน่อย ทันทีที่จอดรถ เท้าก้าวแรกที่ก้าว จี๊ดเลยครับ ความปวดเมื่อยแบบที่ไม่เคยพบเจอ มันมาเจอผมแล้วว เมื่อยมากๆๆๆ ปวดด้วย วันนี้ยังไม่ถึงไหนเลยต้องไปอีกไกล ร่างกายจะไม่ไหวแล้วรึ คงเพราะนอนทับหินเมื่อคืนแน่ๆ

หลังจากลงจากรถ ผมต้องยืดเส้นสายสักหน่อย ก่อนที่จะกินข้าว ซื้อน้ำท่า แล้วออกเดินทางเข้าสู่ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยต่อ

IMG_5483

13:00 น. วัดศรีชุม
ผมขับรถมาตามทางเข้าเรื่อยๆ จนเลยวัดศรีชุมหนึ่งในจุดที่ผมตั้งใจจะเข้ามาดู คือนึกขึ้นได้อีกทีก็เลยซะแล้วววว จนต้องวนรถกลับมา  หากขับขี่รถบริเวณนี้ นอกจากจะสังเกตุเห็นเหล่านักศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว เราจะสังเกตุเห็นนักท่องเที่ยวปั่นจักรยานกันเหงื่อซก ท่ามกลางอุณหภูมิเกือบ 40 องศา

IMG_5495

ทันทีที่จอดรถ ผมตรงไปที่จุดจำหน่ายตั๋ว วัดศรีชุมแห่งนี้ต้องเสียค่าเข้าชม สำหรับคนไทย สามสิบบาท ชาวต่างชาติก็ร้อยนึง เจ้าหน้าที่ประจำป้อมตรงนี้น่ารักมากครับ ยิ้มแย้มพูดคุยอัธยาศัยดี แนะนำสถานที่เที่ยวรอบๆ และเส้นทางแนะนำกับผม

วัดศรีชุมแห่งนี้ มีวิหารขนาดใหญ่ น่าตื่นตาตื่นใจมากสำหรับผม ภูมิใจนะครับบ้านเรายังมีอะไรดีๆ อารยธรรมสิ่งก่อสร้างแบบนี้ ทำให้นึกถึงอดีตว่าสุโขทัยต้องเจริญมากๆแน่ๆเลย

IMG_5490

ด้านในตัววิหาร มีพระพุทธองศ์ใหญ่มาก มีฝรั่งอยู่สองสามคน แต่ละคนล้วนแต่ให้เกียรติสถานที่ครับ ทุกคนเงียบและถอดรองเท้าเข้ามาในวิหาร ทั้งๆที่ไม่มีป้ายบอก

13:30 น. วัดสะพานหิน
หลังจากออกมาจากวิหาร ผมแวะคุยกับพี่เจ้าหน้าที่อีกครั้ง พี่เค้าแนะนำว่า “เดี๋ยวน้องขับรถย้อนกลับไปนะแล้วเลี้ยวซ้ายไปดูวัดสะพานหิน ที่นี้มีสะพานหินทอดยาวไปยังวิหาร สวยมากค่ะ” แน่นอนครับ ผมไปตามที่เจ้าหน้าที่บอก แวะชำระเงินค่าเข้าอีกสามสิบ ขับเข้าไปในทางเปลี่ยว จนมาถึง วัดสะพานหิน

IMG_5498

เห้ยมันสวยและแปลกอย่างที่เค้าบอกจริงๆ เป็นการเรียงหินทอดยาวไปถึงตัววิหาร ด้านบนมีพระพุทธรูปอยู่ ขณะเดินขึ้นได้เจอนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็ยิ้มทักทายกันตามประสา จนมาถึงด้านบน กับอากาศร้อนๆแบบนี้ เหงื่อแตกเต็มตัวครับ แต่ด้านบนก็จะมีวิวสวยๆ กับลมเย็นๆ ให้พอหายเหนื่อยได้บ้าง

IMG_5507

14:00 น. ใจกลางอารยธรรมกับอากาศที่ร้อนนนนนมากๆๆ
ออกจากวัดสะพานหิน ผมขับรถตามทางมากเรื่อย พบเจอนักท่องเที่ยวมากมาย ล้วนแต่เป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้นพลันคิดว่า คนไทยไม่นิยมเที่ยวแบบนี้หรอ หรือว่าวันนี้เป็นวันธรรมดาหว่าา แต่ถ้าเป็นเราจะให้มาปั่นเที่ยวแบบนี้ขอมาตอนเย็นนะร้อนมากกกกก

เราสามารถเห็นสิ่งก่อสร้างมากมายตามทาง จนผ่านเข้ามาภายในกำแพงเมืองโบราณ จะพบกับศูนย์กลางความเจริญของที่นี่ ที่นี่ผมมาทราบทีหลังว่าเอารถเข้าได้แต่ผมหาทางเข้าไม่เจอ ด้านที่ผมจอดรถ เค้าอนุญาติให้เฉพาะจักรยาน ตอนนั้นก็ไม่เป็นไรเดินเอาก็ได้ 5555 ไหนๆก็ปวดตัวอยู่แล้วทนอีกหน่อยนะร่างกาย

IMG_5519

ชำระค่าตั๋วอีกรอบ เดินเข้ามาด้านใน ซ้ายมือคือวัดมหาธาตุ วัดที่จะสำคัญและใหญ่ที่สุดในสมัยสุโขไท ส่วนด้านขวามือผมคือวัดสระศรี ผมเดินเข้ามาในวัดมหาธาตุ ที่นี่คนไทยพอสมควร

“เร็วๆ เลยๆ น้องมายืนตรงนี้ อ้าวแม่ๆ ตรงนี้ๆ”  เสียงคนไทยกลุ่มนึงซึ่งกำลังจัดเตรียมจะถ่ายรูป ซึ่งดังมากครับ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังไม่เสียงดังขนาดนี้เลย ผมว่าไม่ดีเลยครับ น่าจะเคารพสถานที่สักหน่อย

IMG_5535

เดินมาต่อเรื่อยๆ ถ่ายรูปเรื่อย อากาศร้อน ไม่นานจึงต้องขอลาจากที่นี่ เพราะสู้อากาศไม่ไหว ผมแวะเข้าห้องน้ำภายในอุทยานแต่เหมือน ให้เอกชนทำสัมปทาน ค่าเข้า 5  บาท และห้องน้ำไม่สะอาดมากกกกกก แถมทางเข้าดูไม่สะอาดไม่น้อยกว่่าในห้องน้ำ  ในความคิดผมทุกอย่างในอุทยานนี้ดูดีหมดครับ ยกเว้นสุขาเนี่ยแหละ

ก่อนออกมาผมพบนักท่องเที่ยวเดิมมาถามทางผม เธอบอกว่าเธออยากทราบประวัติของแต่ละวัดที่นี่ หรือมิวเซี่ยมที่อธิบายประวัติศาสตร์ของที่นี่ ซึ่งเธอไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร แต่ผมนั้นไม่สามารถรับบทครูประวัติศาสตร์ได้จริงๆครับ แค่ภาษาอังกฤษทั่วไป ก็แทบจะคุยไม่รุเรื่องอยู่แล้ว

IMG_5528

ขณะกำลัง งกๆเงิ่นๆ มีฮีโร่หญิงชาวต่างชาติเดินเข้ามาช่วยอธิบายเส้นทางต่างๆ และข้อมูลที่เธอคนนั้นอยากได้ว่าอยู่ตรงไหนยังไง จนผมรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินจึงขอตัวออกมา ทำให้มาคิดว่าสิ่งนึงที่ผมอยากให้มีเหมือนสถานที่เที่ยวหลายๆแห่งที่เคยไปเยือนคือ โบร์ชัวอธิบายครับ แปลกนะ ที่นี่ใหญ่ขนาดนี้กลับไม่มีเอกสารแนะนำนักท่องเที่ยวเลย มีแต่แผนที่และชื่อวัดเท่านั้น

15:00 น. ยิงยาววววววววว
อากาศร้อนๆ กับแดดเปรี้ยงๆ สุดท้ายผมก็กลับมาที่รถเพื่อ จะออกเดินทางไปจุดหมายต่อไป คืนนี้ ผมตั้งใจจะขับรถอีก สี่ชั่วโมงเพื่อจะกลับไปนอนที่เมืองเก่าของไทยอีกเมืองนั้นคือ “อยุธยา”

อยุธยา เป็นเมืองเก่าที่อยู่ใกล้กรุงเทพที่สุด ทำให้มีความคิดชั่ววูบมาว่า หรือเราจะกลับบ้านเลยดีไหม อีกแค่ ชม. นิดๆเอง อีกความคิดรีบเข้ามายับยั้ง ไม่ๆๆๆ ไหนๆก็ไหนๆ ต้องมาให้ถึงที่สุด ถึงแม้จะปวดเมื่อยตัว ปวดหัวที่เจออากาศร้อนๆไปบ้าง ต้องลุยจนจบทริป

19:00 น. Stockhome Hostel ครั้งแรกกับการนอน hostel แบบห้องรวม  !!!
ดวงอาทิตย์ร้อนๆของวันที่สองก็ตกไปเรียบร้อย ผมขับตาม GPS เรื่อยๆ จนมาถึงที่พักในคืนนี้ของผม นั้นคือ Stockhome Hostel ซึ่งผมเจอในอโกด้า ในราคา 250 บาทรวมอาหารเช้า ก่อนอื่นก็อยากจะเกริ่นนิดนึง Hostel แบบนอนรวมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ในต่างประเทศเป็นที่นิบมมานานพอสมควร ส่วนที่ไทยเองยังมีไม่เยอะ และลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 90% จะเป็นชาวต่างชาติ เนื่องจาก คนไทยมักจะ กลัวนู้นนี้ คำถามเยอะแยะมากมายแบบที่คนรอบๆตัวถามผมเช่น “ไม่กลัวหรอนอนกับคนอื่น” หรือ”โรงแรมธรรมดาก็ไม่แพงต่ากัน”

มนต์สเน่ห์ของโฮสเทล จากที่เคยฟังหรืออ่านจากรีวิวคนอื่น ผมพึ่งได้มาสัมผัสก็คราวนี้แหละครับ ซึ่งไว้จะเล่าในตอนท้ายๆนะครับ

20160122_212527

กลับมาที่แวบแรกที่เห็นที่พัก ภายนอกมีเก้าอี้ตัวเล็กๆ  มีฝรั่งหัวทองนั่งคุยกันเต็มไปหมด ด้านในตกแต่งมีสไตล์ เปิดเพลงเบาๆ มีโต๊ะและเก้าอี้ รวมถึงหนังสือสำหรับนั่ง hang out ตามประสาเพื่อนๆ จะว่าไปก็คล้ายๆร้านเหล้าชิวๆ ชักกลัวเหมือนกันแฮะ เอาวะลุย ไหนๆก็มาแล้ว

เข้ามาด้านในพูดคุยกับ staff พอเป็นพิธี ได้ทราบว่าที่นี่ถ้าศุกร์เสาร์ ก็จะมีคนไทยมาพักบ้างนะ ไม่ใช่มีแต่ชาวต่างชาติอย่างเดียว อย่างเช่นวันนี้ก็มีสี่ห้าคน

IMG_5560

แล้ว staff ก็พาผมเดินขึ้นไปห้องพร้อมกับยื่นกุณแจ และ card สำหรับเข้า พร้อมกับแจ้งผมว่า เหลือแต่เตียงบนนะครับ ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ณ เวลานี้ไม่มีคนสักคน staff แนะนำเสร็จก็ขอตัวกลับมาด้านล่าง

ผมใช้เวลาในการมองสำรวจรอบๆ ที่นอนไหนมีเจ้าของแล้วเค้าจะปิดม่านไว้ หรือมีสัมภาระก็จะวางไว้บนที่นอน จริงๆ เค้ามีล๊อคเกอร์ให้ด้วยนะครับสำหรับเก็บของมีค่า ท้องเริ่มหิวและ ผมจึงรีบจัดแจงเก็บกระเป๋าตัวเอง  ซึ่งต้องใช้ความพยายามระดับหนึ่งที่จะปีนขึ้นไปเตียงบน ซึ่งสูงพอสมควรสำหรับไซต์คนไทยแบบผม

20:00  น. เพื่อนคนแรกในบ้านหลังเล็กๆแห่งนี้
ผมเดินออกมาข้างๆ ที่พักมีร้านอาหารเล็กๆริมถนนหน้าเซเว่น ผมใช้ที่นี่เป็นที่เติมพลังมื้อสุดท้ายของวัน พร้อมกับของหวานเพื่อเติมความกระชุ่มกระชวย ก่อนจะกลับเข้ามาที่ stockhome ที่นี่ชั้นล่างจะเป็นส่วนที่ไว้นั่งฟังเพลงชิวๆ พูดคุยกับเพื่อนๆต่างถิ่น ส่วนชั้นสองจะมีชุดโซฟา ทีวีจอยักษ์และหนังหลายๆเรื่องไว้บริการ ข้างๆจะมีคอมพิวเตอร์เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานอีกด้วย นับว่าเหมือนบ้านเล็กๆที่อบอุ่นหลังนึงเลยทีเดียว

ผมเดินผ่านชั้นสอง พบกับ ชางต่างชาติโซนเอเชียตัวเล็กๆ เปิดฟอเรสกั้มดูอยู่ จึงขอเข้าไปนั่งดูด้วยพร้อมกับเจอกลุ่มวัยรุ่นคนไทยที่ staff พูดถึงเดินสวนกันซึ่งเป็นที่แปลก เพราะส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง

ดูได้สักพักผมก็กลับขึ้นไปที่ห้อง ณ เวลานี้ก็ยังไม่มีคนมา ผมปีนขึ้นไป พร้อมกับเปิด notebook ขึ้นเพื่อดูรูปที่ถ่ายจากทริปไปเรื่อยๆ

IMG_5567

“เฮโหลล” เสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียงทักทายดังขึ้น ชาวต่างชาติรูปหล่อเข้ามาพร้อมกับคำทักทาย “ไฮ” ผมทักทายตามประสา ชาวต่างชาติเดินเข้ามาเตียงด้านล่างถัดจากเตียงผม ผมเปิดบทสนทนากับเพื่อนใหม่คนนี้ ซึ่งเค้าชื่อว่า “พิลิป” ชื่อเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้า 5555 เดินทางมาลำพังและผมเป็นเพื่อนคนแรกที่เขาเจอในโฮสเทลแห่งนี้ ผมก็เช่นกันเนื่องจากคนอื่นยังไม่กลับมา เราคุยกันไปเรื่อยตามประสาคนที่ชอบการท่องเที่ยว

หนุ่มตราเครื่องใช้ไฟฟ้าคนนี้ มาจากเยอรมัน มาคนเดียว ทริปนี้มาไทย 1 เดือน ลาว 1 เดือน กัมพูชา 1 เดือน ก่อนไปจบที่เวียดนาม โดยวันนี้เป็นวันที่สองของพิลิปที่อยุธยาแล้ว

“ลัมเพอ” “ลับพู” ฟิลิปพูดถึงจังหหวัดต่อไปที่เขาจะเดินทางไป
“ลำปาง ??” “Nooo”   “ลำพูน ??” “Noooo”  ฟิลิปพูดถึงจุดหมายในวันพรุ่งนี้ของเขา เหมือนเล่นเกมส์เดาสถานที่กับพิลิฟ พิลิปจึงบอกว่า ลัมพู ลับเพอไรเนี่ย อยู่ทางเหนือของอยุธยา

“ลพบุรี” “Yes!!” พิลิปดีใจเหมือนถูกหวย พรุ่งนี้พิลิปจะนั่งรถไฟไปลพบุรี ค้างหนึ่งวัน ก่อนจะไปต่อที่สุโขทัยและเชียงใหม่

ก่อนแยกย้ายกันเข้านอน ฟิลิปถามถึง ที่นี่ ชี้ๆๆลงพื้น  “ยูเยีย or ยูยา” “อ้อ this town say อะยุดทะยา”  โนยูเยีย ออร์ ยูยา 555 ดูเหมือนฟิลิปจะมีปัญหาในการออกเสียงสักหน่อย

รูปอาจจะน้อยนะครับ เล่าอย่างเดียว 555 เพราะกำลังจะเข้านอน

20160122_210207

ผมนั่งเล่นคอมต่อสักพัก เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น เฮลโลลลลลล ตามมา เป็นฝรั่งสาว ผมทักทายกลับ เธอเข้ามาเก็บของและกลับลงไป สักพักมาอีกคน เฮลโลลลลล ฝรั่งสาวอีกคน ผมชักสงสัยฟิลิปว่าจะได้นอนไหมเนี่ย คนเข้าๆออกๆไม่ขาดแถมเข้ามาเหมือนเป็นธรรมเนียมต้องทักทายกันเหมือนเราอยู่บ้าน af เดียวกัน 5555

22:00 น. ได้เวลาเข้านอน
ผมกำลังจะเข้านอน มีคนเข้าๆออกๆห้องมาเรื่อยๆ เพื่อนเตียงล่างของผมเป็นสาวฝรั่งอีกเช่นเคย รวมๆแล้วห้องนี้นอกจากผม ฟิลิป แล้วก็น้องคนไทยที่มากับกลุ่มเพื่อนๆ นอกนั้นเป็นสาวฝรั่งทั้งสิ้น อ้อๆ ยังมีคนเอเชียที่เก็บตัวคนนั้นอีกคน สรุปแล้วคืนนี้ผมต้องนอนรวมกับสาวๆฝรั่งนับไม่ถ้วนหรือเนี่ย….

อีกสิ่งนึงที่ค่อนข้างงกังวลกับที่นี้คือช่องว่างด้านใน ที่ทะลุลงไปด้านล่าง สิ่งที่ผมกลัวคือผมชาร์ตแบตโทรศัพท์และ แทปเล็ตไว้ข้างๆตัว กลัวจะเผลอนอนดิ้น ตกไปใส่หัวฝรั่งสาวด้านล่างเอา 5555

ที่นอนที่นี่จัดว่าหลับสบายครับ แอร์กำลังดี คนเข้ามาหลังๆเห็นว่านอนๆกันแล้วเค้าก็จะปิดไฟ รู้สึกตัวอีกที ตีสามกว่า กลุ่มน้องๆคนไทยมาครับไม่รู้ไปไหนมากลับกันดึกๆ พยายามลดเสียงแต่ก็ยังได้ยิน ลูกค้าที่นี้ผมมองว่าน่ารักแทบทุกคนนะครับ นอนกันเงียบสนิท เสียงกรน เสียงตดไม่มีเลย ยังกะผมนอนคนเดียวยังไงยังงั้น และก็เผลอหลับไป

วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559 วันสุดท้ายของการเดินทาง

6:30 น. อรุณสวัสดิ์เช้าวันสุดท้ายที่อยุธยา
เมื่อคืนผมได้พักผ่อนจัดว่าเต็มที่ ตื่นมาด้วยความสดชื่น อาบน้ำอาบท่า พร้อมลุยหาของกิน ที่นี่  มีขนมปัง แยม กาแฟให้เป็นมื้อเช้า  แต่จะเริ่มตอนแปดโมงซึ่งท้องผมรอไม่ไหว ผมจึงออกไปเดินชมหน้าโฮสเทล กลับมาพร้อมกับเสบียงนิดๆหน่อย ก็พบกับ เพื่อนคนเดิม ฟิลิป ฟิลิปกำลังจะเดินทางไปสถานีรถไฟ เพื่อที่จะไปลพบุรี ตอนนี้เขารอเช็คเอ้า ผมจึงถามว่าเขาจะไปยังไง ฟิลิปบอกว่า คงนั่งรถตุ๊กๆไป ผมบอกไม่เป็นไร ไหนๆท้องผมก็อิ่มแล้ว ผมจะออกไปเที่ยวรอบๆเมืองสักหน่อยเดี๋ยวผมไปส่ง

20160123_071436

ระหว่างรอ staff check out พิลิป ได้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในอยุธยาให้กับผม 555ผมมาอยุธยาครั้งแรก ต้องมาให้ฝรั่งแนะนำสถานที่เที่ยว ที่ไม่น่าพลาดกับคนไทยแท้ๆอย่างผม 555 พิลิปแนะนำ วัดไชย กับพระราชวังโบราณมาบอกสองที่นี้สวย นอกนั้นธรรมดา ยูลองไปดู เขาเช่ามอไซค์ตะเวณมารอบแล้ว

7:30 น. ขับรถในอยุธยาโดยมีฝรั่งเป็นเนวิเกเตอร์
หลังจากพิลิปเช็คเอาท์เรียบร้อย ผมก็จัดแจงรถผมสักหน่อย  เนื่องจากรกมาก กระเป๋าพี่แกใบใหญ่แบบแบคแพคเกอร์  ผมก็เปิดหาแผนที่ตัวเมืองที่ได้จากเค้าเตอร์ เพื่อที่จะดูสถานีรถไฟ ฟิลิปบอก ไม่เป็นไรเดี๋ยวไอนำทางเอง ฟิลิปพูดอย่างมั่นใจเนื่องจากเค้าอยู่นี่แว้นไปทั่วแล้ววว

IMG_5477

พิลิป นำทางผมมาจนถึงสถานีรถไฟ  หลายคนอยากเห็นหน้าพิลิป แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาครับ 555   พิลิปขอบคุณผมหลายๆอย่าง เราล่ำลากันเป็นพิธี  พิลิปอวยพรให้ผม “Have a nice trip and Good luck” ผมตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ “Me toooooo” 555 ตั้งใจจะตอบ You tooo แต่ดันตอบผมมาคิดอีกทีโคตรขำตัวเองเลย พิลิปคงงงเหมือนกัน

8:00 น. สิ่งที่ไ่ม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
หลังจากส่งฟิลิปเรียบร้อย ผมขับรถมุ่งหน้าสู่วัดไชยวัฒนาราม ตามคำแนะนำของฟิลิป มองเห็นแต่ไกล สวยมากจริงๆครับ ผมรีบจอดรถนักท่องเที่ยวยังไม่มี แน่สิครับมันพึ่งเปิดผมสะพายกล้องซื้อตั๋วในราคาสิบบาท เดินเข้าไป ก้าวแรกพร้อมกลับยกกล้อง กด “แชะ” “No memory card” เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ผมอุทานในใจแบบว่าดังมาก ตายห่า เมื่อคืนเอาการ์ดไปเสียบคอมเปิดดูรูป ลืมเอาใส่กลับ และคอมอยู่บนเตียงที่โฮสเทล

ไม่คิดว่าก้าวที่สองของการเข้ามาที่นี่คือ ก้าวเท้ากลับไปขึ้นรถรีบปึ่งกลับมาที่โฮสเทล ณ เวลานี้ทุกคนตื่นแล้ว ด้านล่างมีหนมปังไว้คอยบริการ ไม่ เดี๋ยวผมขึ้นไปก่อน แถมไหนๆแล้ว ขอเช็คเอ๊าท์ด้วยเลย ผมรีบตรงผ่านบรรดาสาวๆฝรั่งพร้อมกับเปิดห้อง “แกร๊ก” ภาพที่ผมเห็นเต็มตาคือ สาวฝรั่งที่นอนใกล้ๆประตู กำลังใส่เสื้อโดยที่เธอสวมชุดชั้นในอยู่ O_O เธอเห็นผมเธอก็เฉยๆ แต่ผมสิตกใจรีบคว้า กระเป๋ารีบลงมาด้านล่าง

ผมแวะมานั่งแคปเจอร์ความจำกินขนมปังสักพัก พอรองท้องได้ก็เก็บอาการเพื่อที่จะกลับไปยังวัดไชยวัฒนารามต่อ

9:00 น. วัดไชยวัฒนาราม
เหมือนดั่งเดจาวู ผมเหมือนเคยมาที่นี่แล้ว 555 ก็ใช่น่ะสิเอ็งอ่ะมาที่นี่แล้วเมื่อเช้า แต่เอ็งอันลืมการ์ดจึงต้องกลับไปเอา ที่นี่สวยครับ ยิ่งใหญ่อลังการ อยากให้อยู่ให้ลูกๆหลานๆได้เห็นและภูมิใจ เดินรอบๆ ผมได้เห็น ช่างกำลัง บูรณะบางส่วนไปเรื่อยๆ นึกถึงข่าวน้ำท่วมทีไร เป็นห่วงวัดนี้ทุกทีครับ มาดูสถานที่จริงแบบว่า ติดริมน้ำเลยแฮะ

IMG_5584

ข้อมูลจาก wiki บอกไว้ว่า วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ. 2173 ขึ้นเพื่ออุทิศผลบุญนี้ให้กับพระราชมารดาของพระองค์ และอีกประการหนึ่งวัดนี้อาจถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมรด้วย จึงทำให้มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมส่วนหนึ่งมาจากปราสาทนครวัด

IMG_5589

เอาเป็นว่าไม่รู้จะบรรยายอะไรดูรูปแทนละกันครับ อิอิ

IMG_5603

10:00 น. จุดหมายสุดท้ายของการเดินทาง พระราชวังโบราณ
จบจากวัดไชยแล้ว ผมเดินทางกลับมาฝั่งเกาะเมืองต่อ ใจกลางเมืองแห่งนี้มีพระราชวังโบราณตั้งอยู่ ซึ่งก็เป็นอีกที่ ที่พิลิปแนะนำให้มา ผมจอดรถเดินผ่านบรรดาร้านขายขนมมากกมาย ชวนให้เสียเงิน แต่ทริปนี้เงินผมใกล้จะหมดและ จึงต้องยับยั้งใจก่อนที่จะเตลิดไปมากกว่านี้

ผมเดินผ่านวัดและวิหาร ซึ่งมาทราบในภายหลังว่า”วิหารพระมงคลบพิตร” ซึ่งด้านในมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่มากกกก เป็นวิหารที่ ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยแต่ได้รับการทำนุบำรุงรักษามาเรื่อยๆ IMG_5609

เดินเข้ามาเรื่อยๆ ผ่านป้ายแสดงความเป็นมรดกโลก เสียค่าเข้าชมอีกสิบบาท สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ สถาปัตยกรรมโบราณ ที่สวยสดงดงามและยิ่งใหญ่ นั้นคือ พระราชวังโบราณ

IMG_5639

พระราชวังโบราณ แห่งนี้เคย เป็นที่ประทับของกษัตริย์หลายพระองค์ หากจะเล่าจะกลายเป็นวิชาประวัติศาสตร์ไป เอาเป็นว่าเดินถ่ายรูปท่ามกลางอากาศร้อนๆ แต่มีลมเย็นๆพัก และชื่นชมความอลังการของกรุงศรีอยุธยาในอดีตเรื่อยๆ

IMG_5635

11:00 น. ปิดทริป ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆ ตลอดสามวันสองคืน
ได้เวลาที่จะต้องเดินทางกลับแล้ว จบแล้วสำหรับทริปนี้ ผมออกเดินทางกลับกรุงเทพ ขับรถพร้อมกับนึกย้อนถึงประสบการ์ต่างๆ ที่ผ่านมาตลอดสามวันสองคืนนี้ ได้พบ ได้เจออะไรมากมาย ซึ่งถ้าหากผมไม่กล้าที่จะก้าวออกมา ก็คงไม่พบประสบการณ์ดีๆแบบนี้

ทำไมนะ หลังจากทริปนี้ผมก็นึกถึง Trip ต่อไปในอนาคตซะและ จะไปไหนดี ไปยังไงดี ?? รอเวลาที่จะค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ อีกครั้ง

สิ่งนึงที่ยังติดค้างไว้ตอนกลางคือ มนต์สเน่ห์ของการพักโฮสเทล นั้นคือ ที่นี่มักจะเป็นแหล่งรวมของนักเดินทาง ทำให้เราได้รู้จักคนมากขึ้น ได้เพื่อนใหม่ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางที่แต่ละคนประสบพบเจอมา บรรยากาศที่เหมือนบ้าน คุยกันสนุกสนาน นี่แหละครับที่โรงแรมไม่ว่าจะราคาแพงขนาดไหนก็ให้เราไม่ได้ครับ

IMG_5615

สุดท้ายการเดินทางของผมก็ต้องจบลง เพื่อที่จะรอโอกาสใหม่เริ่มต้นเดินทางอีกครั้ง ขอบคุณพี่ๆนักตกปลาที่เป็นเพื่อนกางเต้นท์ ลูกจ้างคนขายจักรยานชาวเมียร์ม่า ที่อุส่าพาแว้นมอไซค์ไปกดเงิน พี่ประจำจุดขายตั๋ววัดศรีชุมที่คอยแนะนำสถานที่เที่ยวในอุทยานสุโขทัยให้กับผม พิลิปเพื่อนที่โฮสเทลที่ได้คุยและแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยว

ก่อนจบขอยกคำๆนึงจากรายการหนังพาไปนะครับเพราะชอบคำนี้มากๆ นั้นคือ “จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม” แล้วเจอกันทริปหน้า วะหะหะหะหะ

 

 

ขับรถเล่นกว่า 1500 km ตาก สุโขทัย อยุธยา ของแถมที่ได้คือประสบการณ์(Part แรก)

“บ้าไปแล้ว” คำที่คนรอบๆตัวเอ่ยเมื่อผมเล่าโปรเจคออกทริปลุยเดี่ยวของผมให้ฟัง  555 ก็บ้าจริงๆแหละครับ อยากลองดู ได้โอกาสลางานสองวันรวมเสาร์อาทิตย์ได้ 4 วัน เอาเป็นว่าเดินทางสักสามวันอีกวันพักละกัน วางแผนเสร็จสรรพ เริ่มที่บางบ่อ ไปยังแม่สอด แล้วขึ้นไปนอนแม่เมย วันที่สองลงมาสุโขทัย กลับมานอนอยุธยา แล้วถึงกลับบ้าน ถ้าสรุปแค่นี้ ก็เหมือนไม่มีอะไร แต่จริงแล้ว สุดยอดประสบการณ์กำลังจะเกิดขึ้น

23-1-2559 15-45-10

อ้อ ผมยังเล่าไม่หมด นอกจากการขับรถเล่นของผมในครั้งนี้ สิ่งที่ผมอยากทำอีกอย่างคือ ถ่ายรูปดาวครับ มือสมัครเล่นน่ะครับ หาบทความเอย ถามท่านผู้รู้เอยเพื่อที่จะลองถ่ายรูปด้วย แต่แล้ว ด้วยความพลาดของผมอย่างแรง ก่อนเดินทางได้สองวัน ผมเช็คปฏิทิน ข้างขึ้นข้างแรม พบว่า ขึ้น 14 ค่ำ โอ้ อีกวันเดียวก็จะเต็มดวงและ ไม่ต้องคิดต่อและดงดาว ไม่เห็นกันพอดี ดวงจันทร์สว่างซะขนาดนั้น

หลังจากที่ทราบเรื่องนี้ในใจก็คิดเนาะ เออ ไม่เป็นไรเที่ยวเอามันส์และกัน และการเดินทางก็กำลังจะเริ่มขึ้น หลากหลายอารมณ์หลากหลายประสบการณ์ จึงต้องการบันทึกไว้เป็นความทรงจำ ……..

 

วันพฤหัสบดีที่  21 มกราคม พ.ศ. 2559 (ขึ้น 14 ค่ำ T T)

3:00 น. เริ่มออกเดินทาง
เช้านี้ อากาศแจ่มใสไม่เหมือนกับ สองสามวันที่ผ่านมา ซึ่งฝนตกหนักทุกวันเลย ขับรถออกจากหมู่บ้าน ผ่าน รปภที่กำลังฝันหวาน รถบนถนน ไม่เยอะมาก มาเรื่อยๆ  ผ่านอยุธยา ชัยนาท สิงห์บุรี อุทัยธานี จนมาถึงนครสวรรค์ แวะเติมแกส เข้าห้องน้ำแล้วเดินทางต่อ ผ่านกำแพงเพชรซึ่งที่นี่ก็มีอุทยานประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นมรดกโลกอีกแห่ง แต่ไม่แวะครับ 555

IMG_5320

8:00 น. ถ้าเมารถคงมีอ๊วกกันบ้างแหละ
ผ่านกำแพงเพชรมา ดวงตะวันโผล่ขึ้นมาทักทาย ผมแวะปั้มอีกครั้งเพื่อเติมพลังทั้งคนทั้งรถ ก่อนจะเลี้ยวซ้าย เข้าไปยังแม่สอด การเดิมทางที่พึ่งเริ่มต้น แต่เหมือนจะหน้าเบื่อ  แต่หารู้ไหมว่า ความตื่นเต้น นั้นรออยู่ เส้นทางจากแยกเข้ามายังแม่สอด ต่างจาก ที่ขับมาทั้งคืน ทั้งชันและคดเคี้ยว แต่จุดพีทอยู่ที่ รถบรรทุกครับ ขับกันเร็วมาๆ(ขาลง) และช้าาาาามาก(ขาขึ้น) ถ้าข้ามฝากมาชนคงแบนแต๊ดแต๋แน่ หรือตอนเร่งเครื่องแซง ลุ้นกันเกร็งเลยทีเดียว

นอกจากบรรดารถบรรทุกแล้ว มีสิ่งนึงที่ผมพึ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิตนั้นคือ ที่หยุดรถฉุกเฉิน มองภายนอกนึกว่าเนินจั้มฟ์ แบบที่อยู่ในเกมส์ 555 ถ้าคิดไม่ออกผมได้แคปหน้าจอจาก google street view มาให้ชม นี่เลย เนินจัมฟ์ในตำนาน 555

23-1-2559 15-58-00

ผมได้ลองหาข้อมูลดูพบว่าเจ้าที่หยุดรถเนี่ย เคยใช้งานจริงๆมาแล้วมากมายและได้ผลอย่างมาก โดยจะสร้างไว้เพื่อแก้ เวลารถขนาดใหญ่เบรกไม่อยู่ และจะสร้างบริเวณที่ ถนนมีความลาดชันมากกว่า 7% !!!

9:45 น. มิงกาละบาแม่สอด
เอ๊ะ ผมไม่ได้ข้ามไปเมียร์ม่านะ แต่ข้ามไม่ข้ามก็เหมือนกัน ที่นี่ชาวเมียร์ม่าเยอะมากกกก และที่นี่ก็เจริญมากด้วย มีทั้งสนามบิน มีห้างมากมกายรวมถึงโลบินสันแม่สอดครับ เจริญกว่าบ้านผมอีก 5555 มาถึงนี่ แต่จุดหมายของผมอยู่เลยไปอีกหน่อยนั้นคือ “คลัง 9” แหล่งรวมจักรยานนำเข้ามือสอง มากมายมาเป็นโกดัง

10:00 น. คลัง 9 แหล่งรวมจักรยานมือสองนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดในไทย
ที่นี่มีจักรยานเยอะมากครับ หลายร้านด้วย ทุกร้านมีคนขายเป็นชาวเมียร์ม่า ลองได้เต็มที่ มีหลากหลายสภาพหลากหลายราคา แต่เมื่อคุยเรื่องราคาต้องปวดหัวเพราะว่า ฟังพี่ๆคนขายแถบไม่รู้เรื่อง จริงครับ ครั้งแรกเลยที่ ซื้อของในประเทศตนเองแต่ฟังแทบไม่ออก แต่พวกพี่ๆเค้าใจดีนะครับ เสียดายสถานที่ห้ามถ่ายภาพบรรยากาศ จึงได้แต่ถามราคาและถ่ายรูปจักรยานมาให้ชมแทน

คันนี้เบสิคครับ มีเกียร์ โช๊คอัพ ล้อ 20 สภาพไปปั่นไปตลาดก็ถึง 555 ราคา 1500 เท่านั้น20160121_100338

จนมาถูกใจ สองคันนี้ครับ ยี่ห้อเชฟ คันแรกมีเกียร โช๊คอัพ ล้อ20 ราคา 3500 กับอีกคัน คันเล็ก ล้อ 16 ไม่มีโช๊คอัพ ราคา 1800 เดิมๆ ทั้งคู่เปลี่ยนเบาะหน่อย ขี่แว๊นได้เลย 5555

20160121_10314420160121_101620

ต่อรองราคาเสร็จสรรพ ควั๊กกระเป๋าตังมาจ่าย อ้าวววว ไม่มีเงิน ลืมกดเงินมาสิครับ
ผม:พี่ๆ แถวนี้มี ATM ตรงไหนครับ พอดีไม่ได้กดเงินมา
พี่คนขาย:มีๆ ด้าน้ะ(สำเนียงฟังยากๆ)
ผม:งั้นเดี๋ยวมาผมขอไปกดเงินก่อน
พี่คนขาย: มาๆๆ เดี๋ยะพาซ้องมอไซป่ะ

โห สุดยอด มีน้ำใจมาก เค้าพาผมซ้อนมาไซค์ไป หน้าปากซอยเพื่อกดเงินครับ จริงๆ พี่คนขายชาวเมียร์ม่าคนนี้จริงๆเค้าไม่ใช่เจ้าของร้าน แต่เป็นลูกจ้าง ให้กับเถ้าแก่ของเค้าอีกที ทั้งสองคนน่าจะเป็นคนเมียร์ม่า ที่มีเชื้าติทางเอเชียกลางนะ ผมรู้สึกว่าทั้งสองคนเหมือน คนอินเดียมากกว่า

แล้วผมก็ซ้อนมอไซค์ชาวเมียร์ม่าไป  เป็นครั้งแรกเลยครับ 555 แปลกดี แต่ก็ขอบคุณมากครับ ผมไม่ได้ถามชื่อพี่คนขายมาหรอก นอกจากนั้นเค้ายังพยายามเข้าไปเจรจาต่อรองราคากับเถ้าแก่ให้ จนสุดท้าย เค้ายังช่วยขี่จักรยาน มาส่งและพับขึ้นรถ

20160121_105259

ลืมบอก เวลาซื้อจักรยานที่นี่ ราคาเค้าจะบอกมารวมภาษีแล้วนะครับ ภาษีอะไรสักอย่าง เวลาซื้อคนขายเค้าจะ ปั่นจักรยานไปเอาเอกสารแสดงภาษี ไว้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดู

ตัดกลับมาที่รถ ตายล่ะ แค่ของแคมปิ้ง ด้านหลังก็แทบจะใส่อะไรเพิ่มไม่ได้ แล้วจักรยานสองคันนี้ล่ะ ซื้อมาแล้วยังไงต้องเอากลับ สุดท้ายก็ยัดลง  แต่ผมนี่สิเหงื่อท้วมตัว เสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยเปื้อน 555 IMG_5331

11:00 น. สุดประจิมที่ริมเมย
ออกรถย้อนกลับมาทางแม่สอด ตลาดริมเมย ตลาดขายของพื้นบ้าน ริมชายแดนเมียร์ม่า ในตลาดผมว่าก็เหมือนทั่วๆไป ขนม ถั่วต่างๆ แป้งเมียร์ม่า เสื้อผ้า เครื่องแกะสลัก ซึ่งผมเดินไม่นาน ก็ออกเดินทางต่อ

IMG_5322 IMG_5328 IMG_5330

13:00 น. เส้นทางไม่ได้โรยด้วยลาดยางเสมอไป
เพราะอาทิตย์ยังแผดเผาอากาศก็ร้อน ได้เวลาเดินทางต่อ หลังจากเติมซื้อเสบียง ไก่ย่างห้าดาวและข้าวเหนียว เพื่อเป็นมื้อเย็นบนดอยอันเดียวดาวของผมในคืนนี้ ออกจากแม่สอดมามุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติแม่เมย แผนผมคืนนี้ผมจะไปนอนม่อนกิ่วลม เพื่อไปดูดาวในยามค่ำคืนและตื่นเช้ามาดูทะเลหมอก

IMG_5336

100 km แรกเส้นทางที่มุ่งเหนือไปยังแม่ฮ่องสอง เป็นทางราบปกติ  มีเขาบ้างนิดๆหน่อยๆ ผิดกับเส้นจากตากมายังแม่สอด แถมรถยังน้อยอีกด้วย ขับรถเพลินๆ จะสังเกตุเห็นหมู่บ้านที่ถูกล้อมรั่ว มีป้อมถี่ๆ เป็นจุดๆ มีเจ้าหน้าที่ใส่ชุดลายพรางประจำป้อม ผมแวะจอดรถเพื่อเข้าไปพูดคุยสอบถามกับเจ้าหน้าที่ ชุมชนนี้คือ ชุมชนผู้ลี้ภัยสงคราม ส่วนใหญ่ข้ามมาจากเมียร์ม่า ผู้อพยพที่นี่ไม่สามารถออกมาด้านนอกได้ แต่เค้ายังมีโอกาสอพยพไปประเทศที่สามเช่นอเมริกา ญี่ปุ่น หรือทางยุโรป หากเค้าผ่านการสัมภาษณ์

IMG_5474 หลังจากขอบคุณคุณเจ้าหน้าที่ผมก็เดินทางต่อ ขึ้นเหนือมาเรื่อยๆ ก็เจอทางเลี้ยวเข้าอุทยาน มีรถที่พึ่งลงมาจอดพัก คนบนรถมองด้วยสายตาแปลกๆ ประมาณว่า มึงจะไปจริงๆ หรอ ผมเก็บความสงสัยเอาไว้ มุ่งหน้าสู่ความลาดชันอันไกลโพ้น 555 อีก 7 กม. จะถึงที่ทำการแล้ว

ผ่านไปร้อยเมตรแรก สองร้อยเมตร สามร้อยยย ผมก็ค้นพบกับพื้นผิวดาวอังคาร ดาวอังคารแบบนรกด้วย ทั้งชัน ทั้งหลุม บางจุดพื้นหายไปครึ่งเลน ไม่เหมาะกับเก๋งติดกระโปรงอย่างยิ่ง

IMG_5337

15:00 น. ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย
หลังจากผ่าน 6 km ผิวดาวอังคารและความชันแห่งมาเชี่ยนมาได้ ก็จะพบกับอุทยานนนนนนนน แห่งชาติแม่เมย อุทยานแห่งนี้มีจุดที่ให้ นักท่องเที่ยวอย่างเราๆท่านๆได้กางเต้นท์ตั้งหลายจุด ตั้งแต่ที่ ที่ทำการอุทยานเอง หรือจะไปกางตามม่อนต่างๆไม่ว่าจะ กิ่วลม ครูบาใส

IMG_5345

ผมเข้าไปทักทายและชำระเข้าธรรมเนียมตามปกติ และได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ

ผม: ตรงไหนน่ากางเต้นท์บ้างครับ
เจ้าหน้าที่:กางตรงริมน้ำตกหรือ ด้านหลังตรงนี้ก็ได้ครับ
ผม:ตรงม่อนกิ่วลม สามารถกางเต้นท์ได้ไหมครับเห็นว่าสวย
เจ้าหน้าที่:ได้ครับ หรือจะกางที่ม่อนครูบาใสก็ได้ครับ ม่อนกิ่วลมไปอีก สิบกว่าโล ม่อนครูบาใส อีก 7 โล

ผม:ด้านบนมีห้องน้ำไหมครับ
เจ้าหน้าที่:มีครับแต่ไม่มีห้องงอาบน้ำ

ผม:ด้านบน ถ้ากางเต้นท์คนเดียวน่ากลัวไหมครับ เห็นว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ และผมมาคนเดียว
เจ้าหน้าที่:ไม่น่ากลัวครับ น้องเป็นคนแรกที่มาวันนี้ ยังไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเลย

ทำเอาผมกังวลใจนิดๆว่าจะเอาไงดีวะ ไปกางคนเดียว จะหลอนไหมเนี่ย คิดต่างๆ นาๆ

เจ้าหน้าที่:ลองขึ้นไปดูก่อนก็ได้ครับ ถ้าไม่ไหวค่อยกลับมาด้านล่าง

เอาวะลองดู สุดท้าย ผมถามถึงทางที่จะขึ้นไป ได้คำตอบว่า เหมือนกับที่ขึ้นมาครับ -_-”

IMG_5344

ผมขนเสื้อผ้าลงจากรถ เพื่ออาบน้ำอาบท่า เผื่อที่จะนอนบนนั้นจริงๆ จะได้ไม่เสียเวลา ระหว่างที่อาบ น้ำที่สุดจะเย็น ในอุทยานที่เราเป็นนักท่องเที่ยวคนเดียว ก็คิดไปเรื่อยๆ  จน เอาไง เอากันไหนๆ ก็มาแล้ว

16:00 น. ลุ้น
เสร็จธุระส่วนตัว ผมออกเดินทางต่อ เพื่อไปเสี่ยงดวงเอาข้างหน้าว่า จะมีนักท่องเที่ยวกางเต้นท์ไหม ถ้ามีอย่างน้อยผมก็มีเพื่อน ไปกางเต้นท์ในที่เปลี่ยวๆ กลางค่ำกลางคืนคนเดียว ผมขับรถมาต่อ ทางขามาอุทยานเป็นไง ต่อจากนี้ก็เป็นอย่างนั้น ดางอังคารแห่งมาเชี่ยนไม่มีผิด 5555

IMG_5347

ใช้เวลาเกือบครึ่ง ชม. กับระยะทางเพียง 7 km จริงครับ ค่อยหยอดๆ ถึงอย่างนั้นก็สั่นไปทั้งกระเพาะ แถมยังต้องมาลุ้นอีกว่า จะมีคนอาศัยนอน บนม่อนครูบาใสไหม ที่จริงผมตัดสินใจจะไม่ไปม่อนกิ่วลมแต่แรกเพราะทางเนี่ยแหละครับ เหมือนจะใกล้ แต่ไกล 555 จนแล้วจนรอดผมก็มาถึง ม่อนครูบาใส

16:30 ความจริงปรากฎ
ภาพแรกที่ผมเห็นคือ ลานกว้างงงง สุดลานมีเต้นท์อยู่สามหลังพร้อมกะบะ มีชายฉกรรจ์กำลังเดินไปเดินมาท่าทางมีพิรุธ ผมทำใจดีสู้เสือ “พี่ครับ ขอกางเต้นท์นอนด้วยคนนะครับ”  “เชิญครับๆ” หนึ่งในกลุ่มนั้นตอบกลับ

IMG_5360

ผมจอดรถ เช็คสัญญาณมือถือก่อนเลย ไม่มีครับ AIS DTAC TRUE สักค่าย T T  พร้อมขนข้าวของยังกะย้ายบ้าง ลงจัดแจงกางเต้นท์ ซึ่งห่างจากกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 50 เมตร กลุ่มคนดังกล่าว ทักทายพูดคุยผมตามประสา มาคนเดียวหรือครับ มาจากไหน ยังไง อะไรประมาณนี้ พร้อมกับเริ่ม จุดกองไฟ ในใจ คงไม่ได้จะจับผมหั่นเป็นชิ้นๆ กินเป็นอาหารค่ำนะคร๊าบบบมื้อนี้

IMG_5369

ชายฉกรรจ์ 1 : พี่(เค้าเรียกผมว่าพี่)มาคนเดียวไม่กลัวหรอครับ กล้ามาเลยนะครับ
ผม : ครับเปลี่ยนบรรยากาศ (พร้อมกับหัวเราะกลบความกลัว)
ชายฉกรรจ์ 1 : นี่ถ้าไม่เจอพวกผมยังจะกาง คนเดียวไหมครับ
ผม: คงคิดดูก่อนนะครับ
ชายฉกรรจ์ 2 :พี่เค้ามาคนเดียวคงมีอะไรป้องกันตัวติดมาด้วยบ้างล่ะหน่า
ผม : แหะๆๆๆ ก็มีบ้างครับ (นี่ทำพูดดีไป … ในใจผมคิดว่าสติเนี่ยแหละครับ เครื่องป้องกันชั้นดีของผม)
ชายฉกรรจ์ 3:ในรถพี่เค้าทั้งปืนเอย ระเบิดเอย นี่รู้ไหมครับ แถวนี้พม่าเยอะ เกิดมันย่องมาตอนดึกฆ่าเราไม่ทันร้องเลย
ชายฉกรรจ์ 1 :หรือถ้าพวกผมเป็นคนร้ายเองจะทำยังไงครับ สัญญาณมือถือก็ไม่มี
ผม: งั้นผมกราบลาละครับ T T
ชายฉกรรจ์ 1:เดี๋ยวๆๆ ผมพูดเล่นน่ะครับ 55555
IMG_5401

หลังจากผูกมิตรเรียบร้อย พระอาทิตย์ยัง ไม่ตกไหนๆก็ไหน ซ้อมไว้หน่อยจักรยานที่ซื้อมา ว่างนัก ปั่นเล่นบนดอยแม่งเลย 5555 (ขออภัยหากดูเถื่อน มีไว้เพื่อป้องกันตัวครับ 555)

IMG_5379

หลังจากเตรียมแผนสำรอง หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะปั่นจักรยานลงเขาเนี่ยแหละ ก็ได้เวลาสำรวจรอบๆ ห้องน้ำครับ เพราะยังไงคงหนีที่นี่ไม่พ้น ห้องน้ำหรอครับ อย่าเรียกงั้นเลยครับ เป็นส้วมซึมที่ไม่มีน้ำ อึคงไม่ไหวถ้าข้าศึกไม่บุกจวนตัวจริงๆ แค่ฉี่ยังไม่ค่อยจะกล้าเลย  ห้องน้ำมีสองห้องอีกห้องปิดตายอยู่ ไม่รู้ว่าห้องงข้างๆ มีศพอยู่ไหม จินตนาการเข้าไป 5555 เอาเป็นว่า ถ้าดึกปวด บอกได้คำเดียว “อดทน”

IMG_5404

18:00 น. เมื่อความมืดเข้าครอบงำ
พระอาทิตย์ตกแล้วครับ หลังจากทำความคุ้นเคยกับกลุ่มชายฉกรรจ์ ผมขอเปลี่ยนชื่อพวกพี่ๆ เค้าเป็น นักตกปลานะครับ เพราะ จากการนั่งคุยกัน เนียนๆ ไปพบว่า พี่ๆเค้ามีอาชีพทำเรือตกปลาอยู่เกาะสีชัง ปีนึงจะมาเที่ยวกับเเพื่อนๆหนนึง ครั้งนี้พวกเขามีเวลา 1 อาทิตย์ วันนี้เป็นวันแรกของเขาและพรุ่งนี้เค้าจะไปต่อที่แม่ฮ่องสอน ว่าแล้ว พี่ๆกลุ่มนักตกปลา ก็ย่างปลาหมึกของดีของสีชังให้ผมได้ลิ้มลอง อร่อยมากครับ ขอบคุณมากๆ ทั้งปลาหมึก ทั้งเพื่อนกางเต้นท์ จริงๆแล้วผมถามชื่อมาแต่สุดท้ายก็จำชื่อไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วง ผมจำหน้าได้ครับ หากเจอที่สีชังผมจะเข้าไปทักแน่นอน

IMG_5409

20:00 น. ฝันดีราตรีสวัสดิ์
นั่งฟังพวกพี่ๆนักตกปลาคุยกัน ประสาเพื่อนสนุกสนาน เราก็ได้เวลาพักผ่อนถามว่าง่วงไหม ง่วงครับ  ดีที่คืนนี้เป็นคืนแรม แสงจันทร์สว่างมากมองไปทางไหนก็เห็นไม่มืดมาก แต่ความกังวลเล็กๆ ทำให้ผมถอยรถมาจอดข้างๆ เต้นท์เผื่อเกิดอะไรขึ้น

IMG_5417

ถึงคือนี้ดวงดาวจะน้อย แต่ก็ยังพอมีให้เห็น หลับๆตื่นๆ ฟังพี่ๆคุยกัน พร้อมกับเสียง โรงสีบ้างทำให้ไม่เงียบเหงาดีครับ คร๊อกกกกก คร๊อกกกก ทั้งคืนเลยยยยย

จบแล้วสำหรับ part แรกกับประสบการณ์เที่ยวคนเดียว พรุ่งนี้ ยังมีเรื่องต่างๆมากมายรอเราอยู่ เก็บแรง รับรองอีกรสชาติไม่แพ้วันนี้แน่นอน……