พาเที่ยวไต้หวัน มนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรม เทคโนโลยีและธรรมชาติที่ผสมกันอย่างลงตัว(ครึ่งหลัง)

เข้าสู่ครึ่งหลัง ตอนจบของบทความแล้ว เย้…… ผมหวังว่าท่านที่เข้ามาอ่านบันทึกการเดินทางฉบับนี้จะสนุกไปด้วยกันครับ ต่อกันเลยยยยย

  • เคนจิ ไกด์ชาวไต้หวันผู้ชื่นชอบนิยมประเทศไทย

เช้าวันที่สามของทริป เราต้องตื่นแต่เช้า เพราะเรานัดเคนจิ ซึ่งเป็นไกด์ชาวไต้หวันให้มารับเราที่ โรงแรมตอนเก้าโมง โรงแรม EFCA ที่เราพักมีอาหารเช้าให้ เราจึงฝากท้องที่นี่ อาหารเช้าที่นี่เป็นบุฟเฟ่แนวๆนานาชาติ วันแรกของเราที่โรงแรมของเรามีอาหารจีนเป็นหลัก บะหมี่เย็นญี่ปุ่น และหนมปังเนยแยม มีอย่างนึงที่เอ้ค่อนข้างประทับใจคือน้ำเต้าหู้ เอ๊ะหรือนมถั่วเหลืองคือ ไม่หวานมากครับ กำลังดีเลย

IMG_3010-1

สำหรับแพลนวันที่สามของเรา มีอัดแน่นหลายจุดซึ่ง หากเดินทางโดยรถสาธารณะอาจจะต้องใช้เวลามาก ทำให้ไม่ทัน และบางจุดไม่มีรถสาธารณะผ่าน จึงจำเป็นต้องเหมารถ โดยเราได้เคนจิมาขับรถให้เราโดยมีค่าใช้จ่าย 3000 NT ทั้งวัน โดยเรารู้จักเคนจิผ่าน Line ตั้งแต่ก่อนมาที่นี้ และเคนจิเป็นที่ปรึกษาค่อนข้างดี อ้อ แอบเช็คราคาTaxi ของ โรงแรม เดินทาง 3-4 คน 8 ชั่วโมง ราคา 4000 จึงเอาแหละถือว่าไม่แพง

ตึ๊ง..นึง… เสียงไลน์ดัง  เอาล่ะ เก้าโมงและถึงเวลานัด เคนจิตรงเวลามาจอดรอและไลน์มาหาเรา พวกเราเดินไปเพื่อพบกับเคนจิ แรกเลย พวกเราคิดต่างๆนานา ว่าเคนจิจะขับรถอะไรมารับเรา และเคนจิมีอาชีพอะไร เราก็ได้คำตอบเมื่อเจอเคนจิ

รถของเคนจิเป็น E-class รุ่นเก่า ซึ่งปกติแล้ว taxi ที่นี้จะเป็น toyota wish โอ้แปลกไม่เหมือนใคร อยู่ไทเปจนจบทริป รถเคนจิเนี่ยแหละแปลกสุด 555 และอยากบอกเพื่อนๆไว้อย่างคือ ที่นี้พวงมาลัยซ้ายนะครับ เดินขึ้นรถดูด้วยครับ เดี๋ยวเค้าจะนึกว่าเราขับเองแบบในคลิป ปล่อยไก่ตัวโต 555

พูดถึงเคนสักหน่อย จากการสัมภาษณ์  เคนเคยมาเรียนภาษาที่เชียงใหม่ ทำให้พูดภาษาไทยได้บ้าง และมาไทยแล้วประมาณ 5-6 ครั้ง ชอบเมืองไทย ชอบเพลงไทยเช่น “ฝากใจแลกเบอร์โทร” เคนบอกว่า สงกรานต์ไทยเปิดแต่เพลงนี้ ชอบเล่นมุขไทยๆเช่น เคนว่า เคนชื่อเคน หล่อเหมือนคนชื่อเคนที่ไทยคือคนนี้ พลางเปิดมือถือให้ดูเป็นรูปเคน ธีรเดช -_-” แต่ก็มีสิ่งที่เราต้องกังวลบ้างคือ ตอนเคนจินึกคำในภาษาไทย เคนจะใช้สมาธิอย่างสูง เคนๆๆๆๆ รถๆๆๆ หลายครั้งที่โดนบีบแตรใส่ ทำเอาเสียวๆเหมือนกัน หากมองมุมกลับกันเคนคงหนักใจไม่น้อยในการเรียกชื่อพวกเรา เอ เอ้ เต้ ชื่อเหมือนกันซะ 555

กลับมาที่การเดินทางของเรา เรานั่งรถเคนจิ ออกมานอกเมือง บรรยากาศรอบๆ ที่เป็นเมืองเริ่มหายไปแทนที่ด้วยภูเขา แถมเป็นภูเขาที่เขียวชะอุ่มด้วยซ้ำ บ้านเราจะหาภูเขาเขียวๆก็มีแต่อุทยานแห่งชาติ ที่อื่นหรอ โดนตัดต้นไม้ทำไร่ ทำสวนหมดแล้ว 5555

วิวประมาณไหนหรอ ดูจากรูปล่ะกัน แต่บอกไว้อย่าง ตาเห็นเองสวยกว่าในรูปเยอะ  ด้านซ้ายเป็นภูเขา หน้าผาที่สูงชัน ด้านขวาคือทะแลแปซิฟิก ที่กำลังคำรามมมมมมมมม แฮร่รรรรร

IMG_3031-1

IMG_3023-1

  • Yehliu geopark หินรูปเห็ดกับทะเลแปซิฟิก

เคนขับรถพาเรามาเรื่อยๆ จนมาถึงสถานที่นึง อ้าวเคนที่นี่ยังไม่ใช่ Yehliu นิ เคนบอกเราจะแวะที่นี้กันก่อน ดูจากในรถ สวยอย่างที่เคนบอก พอเปิดประตูรถบุ๊ป ปะทะเข้าที่หน้าเลยครับ ลมครับ ลมแรงมาก เพราะแถวนั้นมีเมฆฝนด้วย นี่นึกภาพไม่ออกเลยว่าตอนไต้ฝุ่นเข้าจะขนาดไหน นี่แค่ลม ลมจากทะเลแปซิฟิก คลื่นก็แรง ตกไปตายลูกเดียว

IMG_3039-1

มองด้านล่างว่าสวยแล้ว เราลงเดินตามฝูงชนไป บริเวณนั้น โอ้โห เป็นผา เอ๊ะหรือเป็นแหลมเนี่ย พื้นที่เรายืนอยู่มีลักษณะเหมือนทรายแข็งตัว เดินไปเรือยๆ สูงขึ้นๆ มีหน้าผา มองลงไปมีแต่หิน แต่ก็ยังเห็นคนท้องถิ่นตกปลาบ้าง แต่เรา เสียว เว้ยยยย ลมก็แทบจะปลิววววว กลัวมากจะโดนลมพัดตกทะเล 5555

ที่หน้าผาแห่งนี้ ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันชื่ออะไร แต่สามารถมองเห็น yehliu geopark ได้จากที่นี่ โดยที่เห็นไกลๆเป็นแหลมยื่นน่ะใช่เลย มองไปรอบๆคิดในใจ ลมก็แรง ฝนจะตกป่าวน้อออ ถ้าฟ้าใสก็คงดี ถ่ายรูปออกมาจะได้สวยๆ แต่เคนบอกว่า ถ้ามาหน้าหนาวจะไม่ค่อยหน้าเที่ยวเพราะจะหนาวมากเนื่องจากลมแรงงงงงงงงงง มากกกกกกกกกกกกก

panorama-1

IMG_3061-1 IMG_3066-1

หลังจากที่พวกเราเพลิดเพลินกับการถ่ายรูป เรากลับมาที่รถเคนเพื่อที่จะไปยังจุดหมายต่อไป จุดหมายต่อไปของเราคือ อุทยาน Yehliu

IMG_3103-1
เมื่อเปิดประตูรถ ก็ได้รับกลิ่นอาย แห่งหมู่บ้านประมง กลิ่นเหมือนๆ บ้านเพ อ่างศิลายังไงยังนั้น เพราะข้างๆทางเข้า จะมีตลาดขายอาหารทะเลแปรรูปพวกปลาแห้ง ปลาหมึกแห้งไว้บริการ ที่ทางเข้าก็พบกับฝูงทัวร์จีนบริมาณมากมาย ซื้อบัตรและชำระค่าธรรมเนียมจำนวน 80 NT ซึ่งนับว่าไม่แพงเลย เคยดูสารคดีท่องเที่ยว พวกอุทยานในต่างประเทศราคาค่อนข้างโหด เช่นจีน ค่าเข้าทีคิดเป็นเงินไทย 500 บาทขึ้น แต่ที่นี่ไม่แพงเลยครับ

IMG_3141-1

ด้านในอุทยาน Yehliu ต้องเดินจากจุดขายตั๋วเข้าไปประมาณ 400 เมตร ก็จะเห็นฝูงเห็ดหิน ให้มนุษย์โลกได้ถ่ายรูปกัน หินรูปเห็ดนี้เกิดจากธรรมชาติ ลม ฝน คลื่น จึงทำให้ลักษณะภูมิประเทศแถบนี้มีลักษณะแบบนี้ และหินที่ดูจะเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่คงหนีไม่พ้น เศียรราชินี หินรูปร่างคล้ายกับหญิงมีอายุสวมมงกุฎในการ์ตูนดิสนี่ย์ เราจึงเห็นผู้คนต่อคิวกันเพื่อจะถ่ายรูปกับหินก้อนนี้ ส่วนพวกเราหรอ เดินเล่นถ่ายรูปกับจุดอื่นๆ ก็ได้

IMG_3154-1

  • อาณาจักรของแมว Houtong Cat village

นาฬิกาบอกเราว่า ถึงเวลาที่เราต้องไปต่อแล้ว เรานัดแนะกับเคนไว้ให้มารับที่หน้าเซเว่น เพื่อเราจะได้เติมพลังก่อนเดินทางต่อ นั่งรถเคนต่อมาเรื่อยๆ ผ่านหุบเขา แม่น้ำที่สวยงาม จนเข้ามาถึงหมู่บ้าน อันเงียบสงบในหุบเขา ที่นี้ก็คือจุดต่อมาที่เราจะมากัน หมู่บ้านของแมวที่เกาะไต้หวัน หมู่บ้าน Houtong อ่านว่าอะไร ในกลุ่มไม่มีใครรู้ 5555 หมู่บ้านแห่งนี้แต่เดิมคงเงียบสงบ ปัจจุบันนักท่องเที่ยวเยอะขึ้น เหมือนจะเยอะกว่าจำนวนแมวแล้ว หรือเพราะว่าเรามาวันอาทิตย์หว่า

IMG_3196-1

มาถึงนี่ก่อนอื่นได้เวลามื้อเที่ยง มื้อเที่ยงวันนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวสไตล์จีนๆแต่ รสชาติใช้ได้นะครับ เนื้อนุ่ม อร่อยดีราคา 100 NT หากินได้บริเวณสถานี และเมื่อหนังท้องตึงหนังตาหย่อนได้เวลานอน ม่ายช่ายยยย ออกเดินสำรวจแมว อารมณ์ที่นี่เหมือนหมู่บ้านกลางหุบเขา ด้านหน้าอดีตเคยเป็นเหมืองถ่านหิน ปัจจุบันเลิกไปแล้ว แต่ยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงอยู่ ถัดมาเป็นแม่น้ำ ตรงกลางมีสถานีรถไฟ ด้านหลังเป็นภูเขาเล็กๆ โดยมีบ้านเรือนผู้คนอยู่บริเวณนี้

IMG_3182-1

เราเดินข้ามทางรถไฟเพื่อข้ามไปฝั่งหมู่บ้าน ช่วงแรกเราเจอแมวน้อยมากๆ จนเราพบว่า เราต้องสังเกตดีๆ เจ้าเหมียวเหล่านี้ ซ่อนตัวอยู่หลังป้ายบ้าง พุ่มหญ้าบ้าง บนหลังคาบ้าง แมวที่นี่ส่วนใหญ่คุ้นเคยกับคนดี เดินเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ วิวที่นี้ดีมาก ดูสงบ แมวบางตัวนั่งคุยกันบ้าง เล่นกัน หรือทะเลาะกันบ้างตามประสา แต่มีตัวนึงผมชอบเป็นพิเศษคือเจ้าตัวนี่

IMG_3240-1

ตูนี่แหละเจ้าป่า หง่าววววววววววววว

เจ้าตัวนี่นั่งนิ่งไม่กระดิกยังกะรูปปั้น แถมอยู่สูงซะประมาณว่า ตูเนี่ยแหละเจ้าป่า 555555 ไม่ว่าใครจะมาถ่ายรูปก็ยังนิ่งเฉย เท่เจรงๆ 5555 จริงๆ ขากลับผมได้แวะร้านขายของที่ระลึกของที่นี่ ไม่อยากบอกเลยมีแต่ของน่ารักๆๆๆ เต็มไปหมด หมดเงินกับร้านนี้ไปเกือบ 500 NT และที่แปลกสำหรับผมคือ postcard ถ้าบ้านเรา postcard จะนึกถึงประดาษที่ด้านหน้ามีรูปสวยๆ ซึ่งอาจจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ แต่.. postcard ที่นี้ จะมีหลากหลายมาก เช่น เป็นไม้แผ่น เป็นสังกะสี แล้วมีปากกาสีให้เราเขียน ผมซื้อมาเหมือนกันแต่ไม่กล้าเขียน กลัวส่งไม่ถึงไทยแล้วหาย 5555 เสียดาย ไว้ตอนท้ายจะเอาของฝากและ postcard ของหมู่บ้านแมวมาให้ดู

page01

ต่อๆๆๆ ที่นี่ยังมีที่เดินเล่นอีกมากมายนะเสียดายว่า เรามีเวลาไม่เยอะ เราก็ต้องไปกันต่อแล้ว โดยเคนจิ เดินนำไปที่จอดรถ ไอ้เราก็นึกว่าใกล้ๆ แต่เดินไกลพอสมควร เพราะที่จอดรถตรงหมู่บ้านน้อยและวันนี้คนค่อนข้างเยอะ เดินเป็นระยะทางไกลเลยแต่ก็ทำให้เราไม่เบื่อ บรรยากาศดี เพราะลักษณะภูมิประเทศ ตรงกลางเป็นแม่น้ำ ด้านบนเป็นหมู่บ้านของคนในพื้นที่ และมีส่วนที่ดูเก่าๆร้างๆด้วย ด้านข้างมีภูเขาอีก มีครบเลย แต่บรรยากาศกาคืนคงวังเวงพิกล 5555

IMG_3275-1

IMG_3286-1

เดินทางกันต่อ ก่อนที่จะไปกันที่จุดหมายสุดท้าย เคนจิพาเราแวะไปอีกที่ ที่ๆ ทัวร์ไม่พาไปนั้นคือ…. ที่ไหน ผมก็เรียกไม่ถูกเหมือนกัน 555

  • ดันเจียนลับที่เคนจิพาไป 

สถานที่แห่งนี้อยู่เลย jiufen มาอีกครับ ขับรถขึ้นเขาไปเรื่อยๆ สูงขึ้นๆ วิวรอบๆยิ่งสวย หมู่บ้านตั้งอยู่ริมผาวิวสวยงาม ไม่พ้นแม้แต่ หมู่บ้านของคนตาย นั้นก็คือฮวยซุ้ยยย นั้นเอง ระหว่างทางพบเห็นได้ทั่วเลยครับ เค้าสร้างซะสวย นอกจากหมู่บ้านคนตายแล้ว ถนนหนทางก็น่าสนใจไม่แพ้กันโค้งซ้ายโค้งขวาหน้าผา เสียวๆกันไป ประมาณ 20 นาทีจาก jiufen เคนจิก็พามาถึงดันเจี้ยนลับ บนยอดเขาแห่งนี้ แผนที่

 

IMG_3327-1

พวกเรารีบลงจากรถขนลุกเลยครับงานนี้ไม่ใช่ความสวยนะครับ ลมหนาวววว + ฝน ร่มกางแทบไม่ได้ เดินฝ่ากันมาที่ริมผาจุดชมวิว สวยครับ สวยจริงๆ ประเทศไทยหามุมอย่างนี้ไม่ได้ ที่คุณจะอยู่บนยอดเขาสูง มองลงมาด้านล่างเป็นทะเล ส่วนวิวอีกมุมเหมือนที่เคนจิให้ดูรูปตัวอย่างเลย ถนนบนสันเขา สวยครับ แต่ท้องฟ้านี้สิ ไม่เป็นใจกับพวกผมเอาซะเลย หนาว ลม ฝน เราอยู่ได้ไม่นานต้องเผ่น ก่อนขึ้นรถเราแวะซื้อมันครับ แถมโดนทักเป็นคนพิลิบปินด้วย จำได้เลย ครั้งที่ไปสิงคโปรตอนนั้นก็โดนทัก 555  ได้และมันรสเหมือนมันเทศบ้านเรา แต่เนื้อสีเหลือง ร้อนๆหวาน หอม แต่แอบแพงนะ หัวละ 50 NT แหนะ

IMG_3343-1

เส้นทางที่เราเดินทางนั้นมีจุดแวะพักริมทางเรื่อยๆ ก่อนถึง Jiufen เคนก็พาจอดแวะริมทาง ถ่ายรูปอีกรอบ ที่นี่ก็สวยครับแนวเดียวกันกับด้านบนเลย เขาสูงเสียดฟ้ากับน้ำทะเลสุดลูกหูลูกตา เสียดายรูปถ่ายถอดออกมาไม่สวยเท่าตาเห็นครับ อยากให้มาดูเองกันมากกว่าต่างจากรูปเยอะ

IMG_3345-1

  • ถึงสักที ที่หมายสุดท้ายของวัน jiufen เมืองโบราณ

ก่อนเลือกที่นี่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทาง ก็ได้อ่านเรื่องราวของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้มาจากหลายๆที่ เป็นหมู่บ้านโบราณที่ได้รับอารยธรรมจากประเทศญี่ปุ่นมาพอสมควร ทำให้คนญี่ปุ่นชอบมาเที่ยวที่นี่ จุดเด่นของที่นี่คือ ถนนโบราณ ซึ่งเป็นถนนคนเดินกว้างไม่เกินสองเมตร สองข้างถนนเป็นร้านขายของที่ละลึกบ้าง ร้านขายขนมบ้าง ขายอาหารบ้าง

IMG_3417-1

เคนพาพวกเราเดินพร้อมกับชิมนู้น ชิมนี่ เต้ถามเคนว่า ให้เคนพาไปซิอะไรที่มานี่แล้วต้องลอง ห้ามพลาดดดด เคนก็เลยพาไปต่อแถวๆนึง แยกจากถนนหลัก มันก็คือ…. เค้าเรียกไรหว่า 5555 ประมาณว่า บัวลอยที่ทำจากเผือกและมัน มีทั้งเย็นและร้อน เราสั่งมาถ้วยเดียวเพื่อลอง เป็นแบบร้อนIMG_3410-1

จากจุดต่อคิวต้องเดินเข้าไปอีกถึงจะเป็นร้านนั่ง หาโต๊ะนั่งแล้วลองครับ คนลองคือผมกับเต้ ครับอร่อยใช้ได้ เหมือนบัวลอย แต่มีเครื่องและไม่มีกะทิ เต้ติดใจมาก นอกจาก เจ้าขนมที่ว่านี้ วิวจากร้านนี้ก็อร่อยไม่แพ้กัน 555 วิวสวยยยยย ได้ชิมของที่ขึ้นชื่อว่าเด็ด เดินออกจากร้านแถวยาวกว่าขาเรามาอีกนะเนี่ย

IMG_3439-1

จุดต่อๆมา เราขอให้เคนช่วยพาเราไปจุดถ่ายรูปสวยๆ เคนพาไปครับ ตามที่เห็นในเว็บเลย ถ่ายๆไป ฝนก็เริ่มปรอยๆ อีกแล้ว เราจึงกลับเข้ามาในตลาด นี่ก็เริ่มเย็นแล้ว อย่างที่บอกที่นี่มืดเร็วมาก ขากลับเราแวะซื้อของฝากคือพายสับปะรด รสชาติไม่ได้อร่อยมากแต่ที่แพงน่าจะคือ packaging ที่ดูดีมีชาติตระกูลเหมาะกับซื้อเป็ยของฝากครับ กับราคา 15 ชิ้น 375 NT

IMG_3473-1

และแล้วก็ได้ของฝากกันไป ผมกล่องเดียวฝากออฟฟิตพอและหนัก 555 ส่วนเพือนผมหรอซื้อจนร้านรวยเลยโดยเฉพาะเอ้ “เห้ยยย ซื้อขนาดนี้อย่าลืมนะขากลับน้ำหนักเราซื้อแค่ 5 โล”  “ญาติกูเยอะว่ะ”  555 ตามนั้น

IMG_3466-1

เดินออกมาถึงหน้าตลาดก็เย็นแล้วแต่คนก็ไม่ได้ลดจำนวนลงเลย แวะถ่ายรูปวิวก่อนที่จะขึ้นรถกลับ วันนี้ตะลุยมาหลายที่ถ้านั่งรถสาธารณะคงเก็บไม่ได้ขนาดนี้ ต้องขอบคุณเคนจิ เราจึงเก็บได้ครบทุกที่ตามที่ต้องการ

panorama-3-1

ขากลับรถ เข้าไทเปค่อนข้างหน้าแน่น ผลพวงจากการตะลุยมาทั้งวันก็เริ่มง่วง แต่แพลนวันนี้เรายังไม่จบแค่นี้ วันนี้เรามีนัดกับ….. บุฟเฟ่ชาบูชื่อดัง ที่อยู่ข้างๆโรงแรมเรา มีพบก็มีจาก ถึงว่าลาบอกลาเคนจิแล้วขอบคุณครับ พวกเราลงจากรถเค็นจิ หิ้วของฝากพะรุงพะรัง ขึ้นไปเก็บที่โรงแรม เพื่อให้พร้อมที่จะตะลุยราตรีกันต่อ

  • ชาบูไต้หวันได้มาต้องมาลองงงงงงงงง

ใช้เวลาไม่นานนักเราก็มาอยู่ที่หน้าร้านชาบู หม่าล่าแล้ว อ่านรีวิวมาเค้าว่าคนเยอะ ไม่เหมือนกับที่เขาว่าเลยมีนั่งหน้าร้าน สามถึงสี่คนเอง ด้วยความมั่นใจเดินเข้าไปเพื่อขอจองคิว พนักงานทำการจองคิวและแจ้งกลับมาว่า ได้คิวประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ ใช่ครับ สาม ชั่วโมงจริงๆ ฟังไม่ผิด ไม่น่าเชื่อว่าร้านนี้จะฮอตจริงๆ โชคดีที่ผมเตรียมร้านชาบูสำรองไว้อีกร้าน เป็นร้านแนะนำจากคุณ 1000 mile เหมือนกัน  ชั้นสองของโรงแรม just sleep ไกลหน่อยแต่ ไม่มีทางเลือกครับ พวกเราจึงรีบเดินไปกัน ไม่รู้ว่าเพราะความหิวหรือว่าต้องการรีบกินรีบไปซื้อของ ของเพื่อนผมกันนะ

IMG_3488-1

ชาบูที่เรามากินร้านนี้ ขอบอกว่ามีแต่คนไต้หวัน เยอะมากเดินกันขวักไขว่ ไปถึงพนักงานเอาเมนูมาให้ดูว่าบุพเฟ่ราคาเท่าไหร่ แต่พวกเราอ่านไม่ออก งงๆ แต่มาแล้วกินๆๆ yes yes yes ไป 555 พนักงานพาไปที่โต๊ะ ชาบูร้านนี้ จะเป็นหม้อเล็กๆหม้อใครหม้อมัน เลือกน้ำซุปได้ หลังจากนั้น เค้าก็จะเอาตะเกียบและกระบวยตักซุปมาให้ แล้ว เราสามารถเดินไปตักอาหารได้เลย

IMG_3489-1

อุปสรรคอีกอย่างที่ท้าทายเราก็คือ เตาไฟฟ้าภาษาจีนล้วน แล้วเราจะติดยังไงล่ะเนี่ยหรือเราต้องกินกันดิบๆ มั่วกันอยู่สักพักจนหม้อเริ่มร้อน 555 เดินสำรวจสิครับ สิ่งหนึ่งในเค้าเตอร์เครื่องดื่มที่น่าสนใจที่มีให้คือ Thai Milk Tea โอ้วววว มาไกลแฮะไหนลองชิม จริงๆมันก็คือชานมสีส้มๆบ้านเราแหละ แต่พอชิมเท่านั้นแหละ กลับมากินชานมบ้านเราดีกว่า รสมันออกหวานประแหล่มๆ ของบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ (แต่ชาไข่มุกตามร้านรสชาติดีกว่าเรานะ 555 )

IMG_3486-1

นอกจากอุปสรรคของการควบคุมเตาภาษาจีน ยังมีน้ำจิ่มอีกครับ น้ำจิ่มชาบูต้องปรุงเองงงงง โอ้ววว พวกเราอาศัยข้อมูลในเน็ต ต้องมีซีอิ้วอย่างนี้ ใส่น้ำส้มอย่างนี้ ใส่อันนี้อย่างนี้ แต่ถ้วยไหนล่ะคือซีอิ้วตูอ่านไม่ออกกกกกก จึงใช้ทริกต่อไปคือ ลอก ยืนสักมาคนไต้หวันมายืน ตักๆๆ ใส่ๆๆ แต่ แต่ละคนใส่ไม่เหมือนกันเลย เอาวะไม่เป็นไร ใส่มั่วๆแหละ 555 ผมใส่นู้น ใส่นี้ จนมาถึงกา ที่มีตัวอักษรภาษาจีน ไม่มีอังกฤษกำกับ ก็จัดเลยครับ เทใส่ถ้วยน้ำจิ้ม แต่เอ๊ะ ทำไมมันใสๆหว่า คนที่นี่ก็มองผมแปลกๆ แล้วเค้าก็มาหยิบกานั้นไปเติมน้ำหม้อซุปที่โต๊ะตัวเอง ทำให้ผมทราบว่า กาเนี่ยคือน้ำซุป มันไม่ใช่ส่วนผสมของน้ำจิ้ม -_-”

เรื่องต่อมาคือน้ำซุป ขอบอกว่าที่นี้ ไม่มีช้อน ไม่มีส้อมให้นะครับ ทำให้คนไทยอย่างเราค่อนข้างลำบาก เต้จึงไปหยิบส้อมกับช้อนที่ใช้กินขนมหรือของหวาน มากินอาหารแทน อ่อแล้วมาถามผมว่า มึงกินน้ำซุปยังไง ผมก็คิด เออว่ะมองไปโต๊ะอื่นๆ เค้าก็ไม่มีช้อนซุปให้ โต๊ะตรงข้ามใช้กระบวยตัก นั้นแหละครับผมเอาบ้าง ใช้กระบวยนั้นแหละตักเข้าปาก 555 แต่หัวไปดูโต๊ะอื่นอีกทีเพื่อความชัวร์ เค้าใช้ถ้วยซดดแทน -_-”

กลับมาที่หม้อชาบู ชาบูร้านนี้ไม่ใช่เกรดฟรีเมี่ยมครับเพราะฉะนั้นกุ้งกับปูตัวใหญ่ๆ ไม่มี แต่พอมีอาหารทะเลบ้าง อาหารญี่ปุ่นก็มี ของหวานก็มี เนื้อ หมูแบบสไลด์มีหมด ถือว่าไม่ได้น่าเกลียดกับราคา 500 นิดๆ NT

อิ่มแล้วครับ ตอนจ่ายเงิน เอ้เพื่อนผม พยายามปล่อยเหรียญออกให้หมดเพราะ ที่นี่ แบงค์เริ่มต้นที่ 100 ต่ำกว่านั้น เหรียญหมด เราถึงกับยืนนับเหรียญเพื่อจ่ายเค้าทีเดียว พนักงานขำๆ แต่ก็เข้าใจครับ เค้าชอบด้วยมีเหรียญมาๆๆๆๆ 555 นอกจากจ่ายแล้ว เค้ายังถามอีกว่ามีเหรียญอีกไหมเค้าแลกแบงค์ให้ (ทั้งนี้ทั้งนั้นเราใช้สายตาและภาษามือคุยกันครับ เพราะต่างคนต่างใช้อังกฤษกันไม่คล่อง) ใจดีจัง

  • Ximen ในยามค่ำคืน

เดินออกมา ที่หมายสุดท้ายของวันนี้คือ โอนิซึก้าาาาาาาาาาาาาาาาาา ขอเพื่อนผม เดินหาร้านเจอร้านนึงข้างๆ โรงแรม แต่ของไม่เยอะ  พนักงานจึงแนะนำไปอีกสาขาคือด้านหลัง ผมไปปล่อยเอ้ไว้ที่นั้น แล้วผมขอตัวไปเดินถ่ายรูปต่อแถวใจกลางซีเหมือน

IMG_3520-1

เดินไปที่ตึกแดงวันเดียวกับที่เค้ามีสินค้าแฮนท์เมคมาขาย น่ารักๆหลายชิน แต่ดึกแล้วกำลังเก็บพอดี ถ่ายภาพตึกแดงสักหน่อยก็เดินหาของฝากบ้าง เดินหาเสื้อใส่วันพรุ่งนี้ด้วย จนได้เวลากลับโรงแรม

IMG_3515-1

ผมนัดเพื่อนไว้หน้าโรงแรม เอ้มาพร้อมกันโอนิไท จำนวนสามคู่คับ เต่หนึ่งคู่ เฮ้ยยยย ซื้อเยอะไปไหมวะ มึงจะหิ้วเข้าไทยยังไงไม่โดนศุลกากร เอ้จึงต้องทิ้งกล่อง เอารองเท้าใส่กระเป๋า เพื่อให้เค้ารู้ว่าเราไม่ได้ซื้อไปขาย คงไม่เจอภาษีแต่อย่างใด

IMG_3526-1

วันนี้ถือว่าเป็นวันที่เต็มที่กันอีกวันนึงพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้ววววว เวลาผ่านไปเร็วใจหายเหมือนกัน คืนนี้เข้านอนหลับสนิท ……….

  • วัดที่เก่าแก่ที่สุดของไต้หวัน วัดหลงซาน

เช้าวันสุดท้าย เวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว พวกเราต้องเก็บกระเป๋า ออกมา checkout แต่เช้า และขอฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน  ขอบคุณที่ให้ที่พักผ่อนเราสองคืน เช้าวันนี้อาหารเเป็นบุพเฟ่นานาชาติที่เน้นอาหารจีนเหมือนเดิม มีหนมปัง น้ำเต้าหูเหมือนเดิม แต่มีบางเมนูแตกต่างจากวันแรก

IMG_3536-1

พวกเราฝากกระเป๋าเรียบร้อย วันนี้ เราจะใช้เจ้าบัตร Easy Card ที่ซื้อมาเนี่ยเที่ยวเองในเมืองไทเปโดยใช้รถไฟฟ้ากันทั้งวัน ที่แรกเลย เปรียบเหมือนศาลหลักเมืองของไทเป ศูนย์รวมของศรัทธามที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดนั้นคือ วัดหลงซาน

IMG_3548-1

วัดหลงซานเดินทางไม่ยากครับ  MRT Longshan Temple Station Exit 1 ครับ แล้วเลี้ยงขวาเดินตามทางมาเรื่อยๆก็จะเริ่มเห็นผู้คน การมาวัดนี้เหมาะกับมาเช้าๆนะครับ ตอนทัวร์ยังไม่ลง แต่ที่วัดนี้พบคนญี่ปุ่นมาไหว้เยอะครับ ไม่รู้ทำไม ตัววัดไม่ใหญ่มากครับ แต่ดูเก่าแก่จริงๆ เป็นวัดแรกของไต้หวันเลยก็ว่าได้ ด้านในอารมณ์วัดจีนทั่วไปครับ ควันธูปเต็มไปหมด

IMG_3561-1

หลังจากเพื่อนทั้งสองไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อ สถานีต่อไป…….

  • อนุสรณ์สถานณ์เจียงไครเช็ค Chiang Kai Shek Memorial Hall

คนไต้หวันไม่มีใครไม่รู้จักเจียงไครเช็ค เพราะท่านเปรียบเสมือนคนก่อตั้งประเทศครับ ผู็ซึ่งหอบผู้คนมายังเกาะแห่งนี้ อย่างที่ครึ่งแรกเคยเล่าไว้

อนุสรณ์สถานแห่งนี้จึงถูกก่อสรา้งขึ้นเพื่อรำลึกและให้เกียรติเจียงไครเช็ค  ผมเลือกเป็นหนึ่งในจุดหมายเพราะเห็นคนส่วนใหญ่ที่มาไต้หวันจะแวะมาครับ ดูรูปจากในเน็ตก็ไม่เท่าไหร่ อ่ะลองมาละกัน จริงๆมีอีกที่ ที่สไตล์เดียวกันครับคือ อนุสรณ์สถาน ดร.ซุน ยัตเซน ครับ แต่เรามีเวลาไม่พอจึงเลือกมาที่อนุสรณ์สถานณ์เจียงไครเช็ค ที่เดียว

IMG_3601-1

MRT Chiang Kai Shek station Exit 5 เดินออกมาผ่านกำแพงหนึ่งชั้น โอ้โห…………….. ผมถึงกับอ้าปากค้างในใจ(เอ๊ะมันเป็นยังไง) ทำไมมันดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้ สองข้างเป็นโรงละครแห่งชาติก็ดูยิ่งใหญ่ ที่เคยเห็นจากในเน็ตจากในรูปนี้ ขี้ประติ๋วไปเลย 555 เห็นของจริงใหญ่อลังการงานสร้างจริงๆครับ พื้นที่ก็กว้างมากๆด้วย ไม่ใช่ผมคนเดียวนะที่ตื่นเต้น เอ้และเต้ก็เช่นกัน รีบคว้ามือถือมาถ่ายรูปกันใหญ่

IMG_3612-1

ด้านในของหอลำลึก จะมีทหารยามยืนนิ่งงงงงง นิ่งมาก ไม่กระดุกกระดิก อยู่สองฝั่ง ส่วนตรงกลางคือรูปปั้นท่านเจียงไครเช็คขนาดใหญ่มีสีหน้ายิ่มแย้มทักทายนักท่องเที่ยว

IMG_3627-1

นอกจากตัวสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่อลังการณ์แล้ว สิ่งที่หน้าสนใจอีกอย่างที่ ใครต่อใครที่เคยมาแนะนำให้เข้ามาดูคือพิธีสับเปลี่ยนเวรยาม จะมีทุกชั่วโมงครับ แนะนำมาก่อนสักสิบนาทีครับ จะได้มีมุมยืนดูไม่โดนบัง

IMG_3716-1 IMG_3717-1

จบการแสดงสลับเปลี่ยนเวรยาม เราก็ได้เวลาไปต่อแล้วครับ จุดต่อไปหากดูตาม แผน เราจะนั่งรถกระเช้าเหมาคง ขึ้นไปยอด เขาเพื่อไปจิบชาอุ่นๆ ชมวิวชิวๆ แต่เมื่อเช้าก่อนจะออกจากโรงแรม พอดีผมเข้าไป app ที่ใช้ดูเส้นทางและคำนวนค่าบริการ ปรากฎว่าตัว app ขึ้น daily maintenance จึงลองเข้าที่ เว็บก็ขึ้นเช่นเดียวกัน นับว่าบนความโชคร้ายยังมีโชคดีที่เข้ามาดูพอดีไม่งั้นไปเก้อแน่

  • ที่หมายสุดท้ายที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่เอาเข้าจริง มันไม่ควรพลาดอย่างยิ่งงงงง Tamsui

ย้อนกลับไปเมื่อเช้าที่โรงแรม ระหว่าง หาที่ไป ว่าจะไปไหนดี กระเช้าปิด เราสามคนช่วยกันหาข้อมูล ตัวเลือกตอนแรกคือเป่ยโถ ซึ่งเป็น เมืองบ่อน้ำพุร้อนแบบออนเซ็น แต่ เอ๊ะ อากาศไม่เย็นเท่าไหร่ ไม่น่าไป แถมไม่ได้ไปอาบด้วย ผ่านๆๆๆๆ อีกตัวเลือกนึงที่ผุดขึ้นมาในหัวผมก็คือ ตันสุ่ย ตั้นสุ่ย ตำสุ่ย 555 ออกเสียงไงหว่า ด้วยความรวดเร็ว เอาหล่ะ เวลาสามชั่วโมงที่เหลือเราจะไปที่นี่ก่อน ทีนี้ก็ช่วยกันเลย หาข้อมูล อย่างน้อยมีถนนโบราณให้หาของกินกับ วิวริมตลิ่งสไตล์เมืองปากแม่น้ำ แถมรถไฟฟ้ายังไปถึง

IMG_3728-1
เรานั่งรถไฟฟ้าจากสถานีเจียงไครเช็คใช้เวลาค่อยข้างนานเลย เพราะ Tamsui อยู่สุดสายเลยครับ นั่งออกมาเรื่อยๆ วิวจากในอุโมงค์เปลี่ยนเป็น รถไฟลอยฟ้าเผยให้เห็นวิวทิวทัศน์ เลียนแม่น้ำ สวยครับ นั่งชมวิวเพลินๆ รถก็มาจอดสถานี Beitou ได้ยินแว่วๆ terminal station หันหาเพื่อน อ่าวเห้ยยย มันยังไม่ถึงเลยนะ ทำไมจอดและคนลงหมดแล้วเนี่ย ลองดูๆ ป้ายปรากฎว่า เราต้องเปลี่ยนขบวนไป tamsui ครับ

อารมณ์รถไฟฟ้าที่นี้น่าจะเหมือนรถเมล์บ้านเรา บางขบวนสุดสายไม่เหมือนกัน เราต้องเดินข้ามไปยืนรอขบวนถัดไป โดยสังเกตุที่ป้ายด้านข้างครับ ว่าแต่ละขบวนจะสุดสายที่ไหน เรานั่งรถไฟฟ้ากันต่อ จนถึงสถานีปลายทาง tamsui

IMG_3751-1

ถึงแล้วครับ Tamsui ที่นี่อากาศร้อนกว่าไทเปอีก แต่วิวใช้ได้ครับ สถานีรถไฟฟ้าอยู่ติดกับแม่น้ำเลย เดินตามผู้คนไปเรื่อยๆ ก็จะถึง ถนนคนเดินโบราณ ขนาดไม่ยาวนัก มีของขายเยอะแยะ อยากบอกว่าพวกกุญแจของฝากที่นี่ถูกกว่าที่ซีเหมินนะครับ มาซื้อที่นี่ได้ เดินสักพักได้เวลามื้อเที่ยงพอดี เราเข้าไปหาอะไรกินที่ร้านซึ่งอาหารหลักของไต้หวันก็คงไม่พ้นก๋วยเตี๋ยวเอย เกี๊ยวเอย
IMG_3752-1

หลังจากอิ่มเรียบร้อย ต่อไปของหวาน เอ้เห็นในเน็ตมา จะมีไอติมโคนที่ยาวววววว มาก มีหรือจะพลาด ลองครับ ผมไม่ชอบไอติมจึงขอผ่าน ส่วนรสชาติ หรอ เอ้บอกว่าไม่อร่อยเลย จืดๆ ไอติมจืดๆ 0_o

page04

เดินต่อมาเรื่อยๆ สุดถนนก็จะเป็น ร้านที่อยู่ฝั่งแม่น้ำแล้วครับ ตรงหัวมุมเราเจอกับร้าน บัวลอยยยยยยยย เจ้าเพื่อนยาก อีกแล้ววว เหมือนที่เคยเจอที่จิ่วเฟิ้นเลยยย เต้ติดใจจากที่นั้น เราจะขอกินอีกครั้งก่อนกลับ

IMG_3742-1

เดินเข้าร้าน พนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เหมือนเดิมครับ แต่เค้าก็หาเมนูภาษาอังกฤษมาให้ Taro with 2 topping taro taro แล้วก็ taro มันคือไรวะ taro เนี่ย 555 พอถามเค้าก็ชื่อไปที่ มันกับเผือกต้ม เต้เริ่มงง อยากกินบัวลอยไม่อยากกินมันกะเผือกต้ม ผมหรอ ไม่รู้และสั่งๆไปเหอะ จัดเลยครับ taro with 2 topping โดยเลือก topping เป็นไข่ปลาสีส้มๆ กับสับปะรด พนักงานถามกลับแบบเย็นหรือร้อน ก็ตอบไปแบบเย็น อยากลองงงงง

IMG_3755-1
มาแล้วครับเจ้า taro ที่ว่าคือบัวลอยวันนั้นนั่นเองงง แถมแบบเย็นด้วย รสชาติอร่อยครับ ไม่หวานมากมีน้ำแข็งเย็น ด้านล่างรสชาติเป็นน้ำหวานไม่แน่ใจว่าน้ำตาลทรายแดงหรือน้ำลำใยคล้ายๆเต้าทึงบ้านเราหรือเปล่า แต่จุดพีคตรงนี้ครับ ไข่ปลาสีส้ม คำแรกที่เข้าปากหายสงสัยครับ มันคือไข่ปลาน้ำส้มม กัดปุ๊บแตกปั๊บเป็นน้ำส้มซันสคิวสส เลย อร่อยดีครับ เห็นเต้บอกว่าที่ไทยมีนะ แต่ผมไม่เคยกินอ่าาา สรุปtaro นี่อร่อยครับ ไม่เสียดายที่ได้มากิน ราคา 60 NT ครับลองๆๆๆ

IMG_3754-1

ตอนนี้ท้องแน่นมากครับ เราเดินกันต่อเลาะริมน้ำมา ตอนนี้แดดจัดครับ เลยไม่ได้เดินไปตรงริมน้ำ ถ้าเย็นๆ นี่คงดีอากาศก็ดี ร้านอาหารก็น่าจะเปิดเยอะมีของทะเลอีกต่างหาก แถมยัง เดินทางต่อไปชมที่อื่นๆได้อีกครับ ใครมีแพลนลองให้ tamsui เป็นหนึ่งในจุดหมายของคุณนะครับ มาเย็นหน่อยและให้เวลากับสถานที่นี้เยอะหน่อยไม่ผิดหวัง

IMG_3757-1

ก่อนกลับ มีอีกอย่างที่จะลอง ไส้กรอกครับ มีให้เลือกหลากหลาย ผมเลือกไส้กรอกกุ้ง เต้เลือกไส้กรอกไข่ปลาบิน ปลาบินจริงๆครับ 555 ไส้กรอกปลาหมึกสีดำไม่กล้ากิน แต่ละไม้ราคา 40 NT ครับ อร่อยดี รสเหมือนกุ้งแห้งหวานๆ หน่อยๆ 555

  • สิ้นสุดการเดินทาง ลาก่อนไต้หวัน

หมดเวลาสนุกแล้วครับ ต้องเดินทางกลับกันแล้ว จริงๆเรามีเวลาเหลือแต่ เวลาที่เหลือสำหรับของฝากครับ เรานั่ง รถไฟฟ้ามาที่ MRT Zhongxiao Fuxing Exit 2 จะเชื่อมกับชั้นใต้ดินห้าง Sogo Fuxing ผมพาเอ้มาตามลายแทง เค้าบอกชั้นเก้า แต่ดูจาก directory จริง อยู่ชั้นหก เรามาที่นี้เพราะ เอ้มีนัดกับ โอนิซึกะไทเกอร์อีกแล้ว คู่ที่ สี่ของทริปครับ ที่นี่ราคาเท่ากับซีเหมินเลย แต่…!!! ที่นี่ คืนภาษีได้ครับ ซื้อชั้น 6 ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 9 ได้เงินคืนเลยยย เย้แล้ว ไอ้ที่ซื้อที่ซีเหมิน 3+1 คู่ของเต้ คืนไม่ได้ครับ ใครมาแนะนำ sogo นะครับคืนภาษีได้

ออกมาจากห้างเรากลับมาเดินเล่นที่ซีเหมินอีกเล็กน้อย ที่นี้เราไม่ได้ช๊อปปิ้งอะไรกันมากมาย พอ 16.00 ก็ได้เวลากลับมาที่โรงแรม เพื่อเอากระเป๋าและเดินทางไปสนามบิน

ที่โรงแรมมีตาชั่งให้ด้วยครับ เราก็ชั่งน้ำหนักกันผ่านทุกคน เอ้เฉียดๆ ร่ำลาพนักงานโรงแรม พวกเราก็หิ้วสัมภาระอันระเกะระกะมาตามทาง ขึ้น รถไฟฟ้ากลับมายังจุดเริ่มต้นของไทเปนั้นคือ Taipei Main station

 

Taipei Main station คือศูนย์รวมทุกสิ่งอย่างที่เคยกล่าวไว้ในครึ่งแรก ขากลับเราจะนั่งรถบัสกลับครับ เพราะไม่ไกลมากและราคาถูกกว่ารถไฟความเร็วสูงครับ Taipei main station ใหญ่พอควรทางเชื่อมนู้นนี่นั้นเยอะไปหมด กว่าจะหาทางออก z3 เจอ ออกมาแล้วอารมณ์คล้ายๆเอกมัยบ้านเรา เราต้องต่อคิวเพื่อซื้อตั๋วไปสนามบิน

ตรงเค้าเตอร์ขายตัวมีหลายบริษัทครับ จุดนี้ต้องระวังขึ้นสายให้ถูกนะครับ 1819 นะครับเป็น express ไปสนามบิน ราคา 125 NT พวกเราเกือบพลาดนั่งรถสายอื่นที่ไปสนามบินได้เหมือนกัน แต่จะแวะตามทางในเมืองก่อน ไม่ใช่ตรงไปสนามบินเลยแบบ 1819

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเราก็มาถึงสนามบินเถาหยวนครับ เรามาถึงก่อนสามชั่วโมงเค้าเตอร์ยังไม่เปิด เราจึงลงไปที่ food court เพื่อหามื้อเย็นกินกัน ราคาอาหารที่สนามบินราคาไม่แพงครับ 140 เหรียญนี่อย่างเยอะเลย

อิ่มแล้วก็ได้เวลา เราก็กลับขึ้นมา check in เข้ามาด้านในผ่าน ตม. ปั้มออกนอกประเทศ ด้านในมีดิวตี้ฟรี ขนาดไม่ใหญ่เหมือนบ้านเรา สนามบินคนไม่หนาแน่นมาก gate ที่เราได้เป็น bus gate เดินไกลพอสมควร

นั่งรอไม่นาน ก็ถึงเวลา borading บินกลับด้วยสายการบิน V air กลับถึงไทยโดยสวัสดิภาพเป็นอันจบทริปอันแสนมันส์

IMG_3775-1

  • บทสรุปส่งท้ายก่อนลาจาก

ก่อนอื่นต้องแสดงความยินดี ท่านอ่านมาจบแล้ว เย้ …….  บทนี้จะเป็นการกล่าวอำลา และสรุปค่าใช้จ่ายต่างๆครับ และอวดของฝากครับ เริ่มจากของฝากก่อน ของฝาก ผมส่วนใหญ่ได้จากหมูบ้านแมววว เพราะว่า น่ารักมากกกกกกกก ดูจากรูปด้านล่างนะครับ

20151023_212356

ไพ่รูปแมววว ขอบอกน่ารักมากกกกก ราคา 80 NT เป็นรูปแมวล้วนๆ เล่นได้จริง แต่เสียดายตัวไพ่เป็นกระดาษ อาจจะเหมาะสะสมมากกว่า ด้านหลังมีหลายลายให้เลือกด้วย ,กระเป๋าใส่ของเล็กๆน้อยๆ รูปแมวสีเหลือง ราคา 200 NT, ที่รองแก้วรูปแมวดำเหลืองราคา 50 NTและไปรษณียบัตรไม้ ลายแมว อ้าว ถ่ายมาไพ่บังหมด 5555 ราคา 100 NT

ยังมีของฝากอื่นๆ อีกที่ไม่ได้ถ่าย เช่น พายสับปะรดแพค 15 จาก จิ่วเฟ้นนน ดูรูปจากด้านบน ราคา 375 NT พวกกุญแจไม้ หาได้ทั่วไปราคา 100 NT อันนี้ผมว่าเค้าทำน่ารักมากครับ เหมาะกับเป็นของฝากจริงๆ

มาดูค่าใช้จ่ายกันบ้าง ด้านล่างเป็นค่าใช้จ่ายที่คำนวนไว้ต่อคนครับเงินสดที่ประมาณว่าจะเตรียมไปคือ 9,434 บาทแต่เอาเข้าจริงแลกไปเต็มๆ ที่ 10,000 บาท ได้ 8,800 NT แต่เหลือเงินกลับมาประมาณ 1,500 NT สรุปแล้ว ทริปนี้ ค่าใช้จ่ายรวมค่าของฝาก ทั้งสิ้น 15,800 บาทเท่านั้น!!!

23-10-2558 21-33-04

ผมเคยเห็นแพคเก็ตทัวร์ไต้หวัน คล้ายๆแบบที่ผมไป ราคาเกือบๆ 30,000 ขึ้นทั้งนั้น ผมแนะนำว่าไปเองสนุกกว่า ทำการบ้านสักหน่อย สิ่งที่ได้มากกว่าไปทัวร์แน่นอน นั้นคือประสบการณ์ที่มีค่ามากเมื่อเที่ยบกับเงินเท่านี้

หลายท่านคงได้คำตอบแล้วว่า ทำไมผมถึงตั้งชื่อการท่องเที่ยวไต้หวันว่า “มนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรม เทคโนโลยีและธรรมชาติที่ผสมกันอย่างลงตัว”  เพราะไต้หวันมีสามสิ่ง ที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสได้ ตัวแทนของวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นวัดหลงซาน โรงละครแห่งชาติ ล้วนสะท้อนถึงวัฒนธรรมของที่นี่ ตัวแทนของเทคโนโลยีผมยกให้ การคมนาคม และตึกไทเป 101 สุดท้าย ธรรมชาติ ภูเขา ทะเล ทะเลสาบ เส้นทางเดินป่า ทางปั่นจักรยาน เยอะมากกกกกกกก ชอบครับ

ในมุมมองของผมไต้หวันจึงเป็นประเทศท่องเที่ยวที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม และคงได้คำตอบแล้วว่า ไต้หวันมีอะไร ทำไมต้องไปเที่ยว สุดท้ายนี้ขอบคุณครับ แล้วเจอกันทริปหน้า 555555

 

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.